Transportation Sector การเปิดประเทศ VS สายพันธ์ุ Omicron
หลังจากที่ COVID-19 ระบาดมาเกือบสองปี หลายประเทศเริ่มเปิดประเทศบางส่วนตั้งแต่ 2H64 สำหรับประเทศไทย พบว่าการฉีดวัคซีนให้ประชาชนเกิดขึ้นแล้วอย่างน้อย 101 ล้านโดส (เข็มแรก 50.7 ล้านโดส เข็มสอง 44.8 ล้านโดส และเข็มสาม 5.5 ล้านโดส) ระหว่างวันที่ 1 กุมภาพันธ์ – 22 ธันวาคม 2564
ซึ่งถือเป็นภาพบวกในแง่อัตราการได้รับวัคซีนของประชากรไทย โดยจำนวนคนที่ได้รับเข็มสองแล้วคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 64% ของประชากรทั้งประเทศที่ 70 ล้านคน ดังนั้น กลยุทธ์การกลับมาเปิดประเทศน่าจะช่วยหนุนให้ภาวะธุรกิจโดยรวมฟื้นตัวขึ้นจากช่วงที่สถานการณ์เลวร้ายที่สุดใน 3Q64 ในขณะที่หลายประเทศถูกกระทบอย่างหนักจากสถานการณ์โรคระบาดที่ยังคงรุนแรงต่อเนื่อง ทั้งนี้ เมื่ออิงจากธีมการเปิดประเทศ เราคิดว่าแนวโน้มธุรกิจของ AOT เป็นบวกจากการกลับมาของผู้โดยสารระหว่างประเทศ และแนวโน้มที่ดีขึ้นของผู้โดยสารเที่ยวบินในประเทศ เนื่องจากความกลัวโรคระบาดลดลง ดังนั้น เราจึงมองว่าธุรกิจการขนส่งทางอากาศมีแนวโน้มจะดีขึ้นทั้ง YoY และ QoQ ใน 4Q64 หลังจากที่ผ่านช่วงที่สถานการณ์เลวร้ายที่สุดใน 3Q64 ไปแล้ว ซึ่งเมื่ออิงจากสถิติอย่างไม่เป็นทางการจำนวนผู้โดยสาร และเที่ยวบินของประเทศไทยดีขึ้นมาตั้งแต่เริ่มเปิดประเทศเมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน โดยระหว่างวันที่ 1 พฤศจิกายน – 25 ธันวาคม จำนวนผู้โดยสารเพิ่มขึ้นจาก 54,860 คนเป็น 114,883 คน ซึ่งจะทำให้จำนวนเฉลี่ยอยู่ที่ 88,7772 คน/วัน นอกจากนี้ จำนวนเที่ยวบินยังเพิ่มขึ้นจาก 730 เที่ยว เป็น 1,084 เที่ยว คิดเป็นจำนวนเที่ยวบินเฉลี่ยที่ 887 เที่ยว/วัน
อย่างไรก็ตาม เราคาดว่า COVID-19 สายพันธุ์ใหม่ที่ชื่อ Omicron จะรบกวนแนวโน้มที่กำลังดีขึ้น เพราะยอดผู้ติดเชื้ออาจจะเร่งตัวขึ้น แม้จะคาดกันว่าจำนวนผู้เสียชีวิตจะต่ำกว่าสายพันธุ์ Delta เราคิดว่า ขณะนี้ยังเร็วเกินไปที่จะด่วนสรุปผลกระทบจากการระบาดรอบใหม่ของ COVID-19 สายพันธุ์ Omicron เพราะยังอยู่ในช่วงต้น ซึ่งเริ่มระบาดมาได้แค่เดือนเดียวเท่านั้น เราคาดว่ารัฐบาลจะเปิดประเทศอย่างระมัดระวัง โดยอาจทำให้การเปิดให้มีเที่ยวบินระหว่างประเทศเพิ่มขึ้นในปี 2565 ในระดับที่แย่กว่าที่เราเคยมองเอาไว้ก่อนหน้านี้ เราคาดว่าจำนวนผู้โดยสารระหว่างประเทศที่เดินทางเข้าประเทศไทยในปี 2565F จะต่ำกว่าที่คาดไว้ที่ 12 ล้านคน (เหลือประมาณ 8 ล้านคน)
การฟื้นตัวน่าจะล่าช้าออกไป
เราไม่คิดว่า ธุรกิจการขนส่งทางอากาศจะฟื้นตัวได้อย่างแข็งแกร่งใน 1H65 แม้ว่าปริมาณการจราจรทางอากาศจะลดลงอย่างมากในปี 2564 เนื่องจาก i) มีโอกาสน้อยลงที่ประเทศไทยจะเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติอย่างเต็มที่ ii) COVID-19 ระบาดหนักเหนือความคาดหมายในหลายประเทศ iii) กำลังซื้อลดลงในช่วงที่เศรษฐกิจโลกชะลอตัวลง สำหรับ Airports of Thailand (AOT.BK/AOT TB)* เราคาดเอาไว้ก่อนหน้านี้ว่า ราคาเป้าหมายของเรายังมี downside อีกประมาณ 2% จากระดับปัจจุบันถ้าหากบริษัทขยายมาตรการช่วยเหลือออกไปอีกสองปี (สิ้นสุดเดือนมีนาคม 2567) จากปัจจุบันที่ขยายออกไปหนึ่งปี
เราชอบแนวโน้มธุรกิจขนส่งทางบกมากกว่า
BTS Group Holdings (BTS.BK/BTS TB)* เป็นหุ้นที่เราชอบมากที่สุดในกลุ่ม เนื่องจากการขยับเชิงกลยุทธ์เพื่อสนับสนุนบริษัทในเครือ โดยความร่วมมือระหว่างบริษัทลูกของ BTS กับ J Group จะเป็นโอกาสในการเติบโตระยะยาวด้วยการกระจาย platform ธุรกิจออกไป
Valuation & Action
เราคาดว่าผลการดำเนินงานของ BTS จะแข็งแกร่งขึ้นในช่วง 2H65 จากการฟื้นตัวของทั้งธุรกิจของบริษัท และของบริษัทในเครือเนื่องจากสถานการณ์ COVID-19 ดีขึ้นตั้งแต่ 3Q65 ดังนั้น เราจึงเลือก BTS เป็นหุ้นเด่นของเราโดยประเมินราคาเป้าหมาย SOTP ที่ 12.60 บาท
Risks
COVID-19 ระบาด และเศรษฐกิจฟื้นตัวช้ากว่าที่คาดไว้