อินเด็กซ์ฯ กางแผนจัดอีเวนท์ปี 65 ปั้นเดสทิเนชั่น ดึงนักเดินทางเที่ยวไทย
ตราบที่ปัจจัยลบ “วิกฤติ” โรคโควิด-19 ยังระบาด ธุรกิจ “อีเวนท์”ยังคงมีความเปราะบางอย่างต่อเนื่อง ด้วยรูปแบบของกิจกรรมคือการจัดงานที่มีผู้คนมารวมตัวกันไม่ว่าจะเป็นการเปิดตัวสินค้าและบริการ งานแฟร์ต่างๆ คอนเสิร์ต รวมถึงการเคาท์ดาวน์ส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่
ทว่า 2 ปีของการเกิดโรคระบาด ผู้ประกอบการอีเวนท์เรียนรู้สถานการณ์ และปรับตัวเพื่อขับเคลื่อนธุรกิจ “อยู่รอด” ให้ได้ หนึ่งในนั้นคือเจ้าพ่อครีเอทีฟอย่าง เกรียงไกร กาญจนะโภคิน ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท อินเด็กซ์ ครีเอทีฟ วิลเลจ จำกัด (มหาชน) ที่ย้ำเสมอว่า ถึงเวลาแล้วที่ทุกภาคส่วนต้องปรับตัวเพื่ออยู่ร่วมกับโรคโควิด-19 ให้ได้ เนื่องจากขณะนี้เศรษฐกิจ ธุรกิจได้รับผลกระทบอย่างนัก และตราบใดที่หน่วยงานภาครัฐยังใช้มาตรการเดิมๆ ให้กิจการต่างๆเดินไปข้างหน้า พอเกิดการแพร่ระบาดรอบใหม่ต้อง “หยุด” ยิ่งซ้ำเติมและสร้างผลร้ายให้ธุรกิจมากกว่า
นอกจากนี้ ประเทศไทยมีการฉีดวัคซีนให้กับประชาชนทะลุ 100 ล้านโดสแล้ว แต่ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด19หรือศบค. รวมถึงสื่อยังคงรายงานตัวเลขผู้ติดเชื้อ ผู้ป่วย จำนวนผู้เสียชีวิตแบบเดิมเหมือนตอนยังไม่มีวัคซีน ถือเป็นตัวแปรที่ส่งผลกระทบต่อจิตวิทยา และกรใช้ชีวิตของผู้คนให้กลับสู่ภาวะปกติ ซึ่งประเด็นดังกล่าวแม้จะสะท้อนไปังภาครัฐหลายครั้ง แต่ไร้ซึ่งผลตอบรับ หรือเกิดการเปลี่ยนแปลงวิธีทำงาน
ภายใต้โจทย์ดังกล่าว ทำให้ธุรกิจอีเวนท์ ยังคงปรับตัวต่อเนื่อง โดยแนวทางขับเคลื่อนธุรกิจของ อินเด็กซ์ฯ ในปี 2565 ยังใช้กลยุทธ์ Creating for Now ในการจัดกิจกรรมต่างๆ ซึ่งจะต้องดูตามสถานการณ์ มีแผนงาน 1-2 รองรับปัจจัยที่ไม่แน่นอน
“เราไม่รู้จะมีแฟ็คเตอร์ใหม่อะไรเกิดขึ้น เพราะตอนนี้ตลาดมีการเปลี่ยนแปลงเรียบร้อยแล้ว เกมกลยุทธ์ที่เราต้องเล่นคือต้องทันท่วงที การปรับตัวให้เร็ว สปีดในการพลิกแพลงสำสำคัญสุด รวมถึงการเดินหน้าสู่โลกดิจิทัลมากขึ้น”
ทั้งนี้ การรุกจัดงานอีเวนท์ปีหน้า จะให้น้ำหนักช่วงไตรมาส 1 และ 4 เพราะถือเป็นไฮซีซั่น โดยไฮไลท์ของงานจะมีเมืองโบราณ ไลท์ เฟสติวัล ซึ่งจะจัดขึ้นอีกครั้ง อีกงานที่อยู่ระหว่างเตรียมการจะเป็นรูปแบบโร้ดโชว์ไปหลายจังหวัดทั่วประเทศ รองรับกลุ่มเป้าหมายนักเดินทางที่เปลี่ยนแผนท่องเที่ยวต่างประเทศมาเที่ยวไทย หลังเกิดไวรัสสายพันธุ์ใหม่โอมิครอนระบาด
ขณะที่ช่วงไตรมาส 4 ที่ผ่านมา อินเด็กซ์ทุ่มทุน 40 ล้านบาท คิกออฟ 7 อีเวนท์ ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคที่ต้องการประสบการณ์สดใหม่ เช่น เปิดลานสเก็ตรูปแบบใหม่ การแข่งวิ่งปลดปล่อยพลังระยะ 5 กิโลเมตร และครั้งแรกของการแข่งขันความเร็วเพียงแค่ผู้เข้าร่วมกิจกรรมมีอุปกรณ์ที่มีล้อไม่ว่าจะเป็น ROLLER SKATE งาน Forest of Illumination ณ คีรีมายา จังหวัดนครราชสีมา และ Thailand International Lantern & Food Festival เป็นต้น
“เราจะร่วมกับพันธมิตร จัดอีเวนท์ที่สามารถโร้ดโชว์ไปในต่างจังหวัก เพื่อเป็นจุดหมายปลายทางหรือเดสทิเนชั่น ให้นักเดินทางที่ไม่มีโอกาสเที่ยวต่างประเทศ ได้หาสถานที่ปลดปล่อย”
ส่วนแนวโน้มธุรกิจอีเวนท์ปี 2565 คาดเริ่มฟื้นตัวกลับมา 50% เท่านั้น การฟื้นตัวกลับมา 100% และมูลค่าตลาดแตะ 14,000 ล้านบาท ต้องใช้เวลาอีกระยะ ขณะที่ปี 2564 เชื่อว่าสถานการณ์ของหลายธุรกิจไม่มีอะไรต่ำกว่านี้ เพราะ 2 ที่ผ่านมาได้ปรับตัวครั้งใหญ่แล้ว แต่ปีหน้าจะเป็นบทพิสูจน์ว่าสิ่งที่ปรับตัวนั้นส่งผลต่อธุรกิจให้เดินไปข้างหน้าดีพอหรือไม่
“ปีหน้าธุรกิจหลายเซ็กเตอร์เริ่มฟื้นตัวกลับมา 50% อีเวนท์เช่นกัน จะกลับมาแบบเบาๆ ไม่หวือหวา อย่างไรก็ตาม ปีนี้มีหลายธุรกิจที่ปรับตัวเพื่อไปต่อ และเห็นอยู่รอด ที่ต้องจับตาปีหน้าหรือปีต่อไป องค์กรที่ไม่ได้รักษาพนักงานไว้ ธุรกิจหลัก(Core Business)อาจได้รับผลกระทบ เพราะไม่มีคนทำงาน”
สำหรับภาพรวมอินเด็กซ์ฯ ปี 2563 ทำรายได้ 408 ล้านบาท หดตัว 69% จากเดิมรายได้ 1,326 ล้านบาท ปี 2564 บริษัทตั้งเป้ารายได้ 669 ล้านบาท เติบโต 64% จากปีก่อน อย่างไรก็ตาม ตลอดระยะเวลา 2 ปี ที่ต้องเผชิญวิกฤติโควิด-19 อีเวนท์ได้รับผลกระทบรุนแรง รวมถึง อินเด็กซ์ฯ ที่รายได้หายไปประมาณ 2,000 ล้านบาท พลิกเปลี่ยนบริษัทให้เป็นผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อมหรือเอสเอ็มอีอีกครั้ง