UBE - โตทะยาน (ประจำวันที่ 4 มกราคม 2565)

ปริมาณขายเอทานอลแข็งแกร่งแม้อัตรากำไรจะลดลง

คาดปริมาณขายเอทานอลเชื้อเพลิงเพิ่มเป็น 39 ล้านลิตรใน 4Q จากอุปสงค์น้ำมันเบนซินที่แข็งแกร่ง ราคาเอทานอลเชื้อเพลิงลดลง 0.3 บาท qoq เป็น 25.0 บาทต่อลิตร แต่ต้นทุนมันสำปะหลังจะเพิ่มขึ้นเป็น 6.8บาทต่อกก. ทำให้ส่วนต่างเอทานอลลดลงเป็น 8.7บาทต่อลิตร ปริมาณขายเอทานอลลดลงเป็น 3.0ล้านลิตร ทำให้ปริมาณขาย FY21F เพิ่มเป็น 16ล้านลิตร (+100% yoy) ในแง่ราคาทรงตัว qoq ที่ 30-32บาทต่อลิตร (30% ปริมาณขายปลีกและ 70% ขายส่ง) ดังนั้นอัตรากำไรเงินสดของเอทานอลเชื้อเพลิงจะอยู่ที่ 22% และสำหรับอุตสาหกรรมที่ 33% คาดว่า cash margin รวมของเอทานอลจะลดลงเป็น 26% ใน 4Q ส่วนธุรกิจแป้งจะมียอดขาย 28k ตันใน 4Q แบ่งเป็นสตาร์ชดิบ 16k ตัน เนื่องจากเป็นโลว์ซีซั่นของมันสำประหลัง และสตาร์ชออร์แกนิค 12k ตัน จากการขนส่งที่ล่าช้า คาด Cash margin ที่ 7% สำหรับสตาร์ชดิบ (คงที่ qoq) และ 30% สำหรับสตาร์ชออร์แกนิค (+3% ppt qoq) UBE จะเริ่มขายแป้ง (flour) ใน 4Q 300 ตัน อัตรา Cash margin ที่ 37% แต่ยังต่ำกว่าเป้าหมายของบริษัทที่ 40%+ เนื่องจากการประหยัดจากขนาดยังต่ำ เราคาด UBE จะมีกำไรสุทธิ 100ลบ. ใน 4Q, +3% qoq และ +220% yoy

 

คาดกำไร FY22F เติบโตจากปริมาณขายเอทานอล, สตาร์ชออแกนิคและแป้ง

เรามองบวกต่อ UBE ใน FY22 จากอุปสงค์เอทานอลที่เพิ่มขึ้นจากการเปิดทำการธุรกิจอีกครั้ง ราคากากน้ำตาลจะยังอยู่ในระดับสูงที่ 5.5บาทต่อกก. ซึ่งจะหนุนราคาเอทานอลใน 2022 จาก 70% ของเอทานอลมาจากกากน้ำตาล ปริมาณขายสตาร์ชออร์แกนิคจะเพิ่มเป็น 55k ตันจาก 43k ตันใน FY21 ปริมาณขายแป้งจะเพิ่มขึ้นเป็น 10k ตันใน FY22 จาก 300 ตันใน FY21 UBE จำหน่ายสตาร์ชและแป้งผ่านซุปเปอร์มาร์เก็ตและร้านกาแฟ

 

ซื้อ 3.0บาทต่อหุ้น; อยู่ในเส้นทางการดำเนินงานที่แข็งแกร่งใน FY22

ธุรกิจแป้งของ UBE เริ่มดำเนินงานเชิงพาณิชย์ใน 4Q และเป็นปัจจัยขับเคลื่อนกำไรหลักในปี FY22 จากแป้งแบบเดิมจะมีอัตรา cash margin ที่ 40% และออร์แกนิคที่ 50% หนุนจากอุปสงค์ของกลูเต็นฟรี โดย UBE จะออก cash balance วันที่ 8 ม.ค.