"หมูแพง"เร่งแก้ห้ามส่งออก 3เดือนคืน“หมู”เข้าระบบพร้อม สั่งเช็คสต็อก
“จุรินทร์”ถกกกร.แก้หมูแพง สั่งห้ามส่งออก 3 เดือน รายงานสต็อกทุกๆ7 วัน เผย ปี 2565 ด้านเกษตรฯหารือผู้เลี้ยง 7 ม.ค. นี้ เร่งผสมพันธุ์ป้อนตลาด“ประยุทธ์”ห่วงกระทบค่าครองชีพ
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ (กกร.) ว่าได้มีมติแก้ปัญหาเนื้อหมูราคาแพง ประกอบด้วย1.ห้ามส่งออก เป็นเวลา 3 เดือน เบื้องต้นตั้งแต่วันที่ 6 ม.ค. - 5 เม.ย. 2565 เพื่อให้หมูกลับเข้าสู่ระบบการบริโภคภายในประเทศก่อน
2.กำหนดให้ผู้เลี้ยงหมูรายใหญ่ ตั้งแต่ 500 ตัวขึ้นไป / ผู้ค้าส่ง ที่มีหมูเกิน 500 ตัวขึ้นไป และห้องเย็นที่มีสต็อกหมู ตั้งแต่ 5,000 กิโลกรัมขึ้นไป แจ้งปริมาณ และราคาทุก 7 วัน เริ่มตั้งแต่วันที่ 10 ม.ค.นี้เป็นต้นไป เพื่อดูแลปริมาณหมู และสต็อกหมูที่มีอยู่ทั้งประเทศซึ่งกรมการค้าภายใน จะส่งเจ้าหน้าที่ร่วมกับกรมปศุสัตว์ ในการตรวจสอบ เพื่อจะได้เร่งบริหารจัดการระบายเนื้อหมูออกสู่ตลาด
3.กรมปศุสัตว์เร่งผลิตหมูเข้าสู่ระบบด้วยการส่งเสริมการเลี้ยงเพิ่มเติมเพื่อให้มีเพียงพอสำหรับการบริโภคในประเทศโดยซึ่งกระทรวงพาณิชย์พร้อมที่จะให้การสนับสนุน โดยเฉพาะมาตรการเร่งรัดส่งเสริมการเลี้ยงการช่วยให้เกษตรกรรายย่อยสามารถเข้าถึงแหล่งทุนดอกเบี้ยราคาถูกหรือเงื่อนไขผ่อนปรนเป็นพิเศษ และขอให้กระทรวงการคลังเข้ามามีบทบาทช่วยดูแลเรื่องนี้ต่อไป รวมทั้งส่งเสริมให้เกษตรกรผู้เลี้ยงหมูเข้ามาเลี้ยงในระบบ GFM (Good Farming Management) ที่มีมาตรฐานและต้นทุนไม่สูงเกินไป เป็นระบบที่ป้องกันโรคได้และมีความปลอดภัยสามารถตรวจสอบย้อนกลับได้
ส่วนปริมาณการบริโภคหมูที่ยังขาดอยู่นั้น ไม่ได้มีการพิจารณาเรื่องการนำเข้าหมูจากต่างประเทศ เพราะจะกระทบกับเกษตรกรผู้เลี้ยง และมีปัญหาตามมาอีกมาก
ขณะเดียวกัน กำชับให้ผู้ที่เกี่ยวข้อง บังคับใช้กฎหมายขั้นเด็ดขาด ทั้งการดูแลให้ปิดป้าย แสดงราคา และไม่ให้มีการกักตุน เพื่อป้องกันการเอาเปรียบผู้บริโภค
“ส่วนสถานการณ์ราคาหมูจะปรับตัวดีขึ้นเมื่อไหร่นั้น ขึ้นอยู่กับปริมาณหมูที่จะเข้าสู่ระบบมาทดแทนปริมาณที่ขาดหายไป จากการเร่งส่งเสริมให้เกษตรกร เลี้ยงหมูมากขึ้น ซึ่งอย่างน้อยต้องใช้เวลาอย่างน้อย 3 เดือน”
ทั้งนี้ กรมปศุสัตว์ ได้รายงานสถานการณ์ปริมาณหมูในระบบปี 2565 ว่า หมูเลี้ยงในระบบ อยู่ที่ 19 ล้านตัว ใช้สำหรับบริโภค 18 ล้านตัวอีก 1 ล้านตัวเป็นการส่งออก ซึ่งจากการคาดการณ์ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในปี 2565 หมูเลี้ยงในระบบ จะเหลือเพียง 13 ล้านตัว ซึ่งไทย ใช้บริโภค 18 ล้านตัว ทำให้หมูเพื่อการบริโภคจะหายไปถึง 5 ล้านตัว หรือ 30%
นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้เร่งให้มีการติดตามกรณีปัญหาราคาเนื้อหมูอย่าเพิ่งฉวยโอกาสจำหน่ายราคาเนื้อสุกรที่แพงเกินสมควร ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชน์และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ คาดว่าภายใน 4 เดือน จำนวนสุกรขุนจะเพิ่มขึ้น และราคาจะปรับเข้าสู่ภาวะปกติ
“ท่านนายกเป็นห่วงเรื่องราคาเนื้อสุกรที่ปรับตัวสูงขึ้น พร้อมนำเข้า หารือในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี เพื่อให้เกิดการบูรณาการในแก้ปัญหาหมูแพง รวมทั้งราคาสินค้าแพงอื่นๆ ด้วย”