EE ลุย “เทคโอเวอร์” ธุรกิจปลูกกัญชง คาดชัดเจนไตรมาส 1/65
“อีเทอเนิล เอนเนอยี” ลุยธุรกิจกัญชง-กัญชา หลังได้ใบอนุญาตเผยเมล็ดแรกลงแปลงเพาะปลูกแล้ว ลั่นเก็บเกี่ยวผลผลิตส่งลูกค้าเดือน เม.ย. นี้ หลังเซ็น MOU 2-3 ราย แย้มกำลังเจรจาซื้อกิจการธุรกิจต้นน้ำ (ปลูก) คาดชัดเจนภายในไตรมาส 1 ปี 65 ด้านผลประกอบการปีนี้เติบโคกว่าปีก่อน
นายวรศักดิ์ เกรียงโกมล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อีเทอเนิล เอนเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ EE เปิดเผยว่า หลังจากบริษัท แคนนาบิซ เวย์ จำกัด (CW) (บริษัทย่อยที่ EE ถือหุ้นจำนวน 80%) ได้ใบอนุญาตผลิต (ปลูก) ยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 เฉพาะกัญชงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยปัจจุบันบริษัทได้ดำเนินการนำเมล็ดกัญชงปลูกลงดิน ในพื้นที่ 36 ไร่ ในจังหวัดสระบุรี เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งเบื้องต้นปลูกกัญชงจำนวน 40,000 ต้น คาดว่าผลผลิตกัญชงจะสามารถเก็บเกี่ยวได้ประมาณเดือนเม.ย. 2565 และบริษัทมีการเซ็น MOU กับลูกค้า 2-3 รายเรียบร้อยแล้ว โดยหลักๆ เป็นกลุ่มลูกค้าที่อยู่ในธุรกิจโรงสกัด
นอกจากนี้ ในพื้นที่เพาะปลูกที่จังหวัดสระบุรีนั้น บริษัทมีแนวทางลงทุนให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรกรรมภายใต้การบริหารดูแลของนางฟ้ากัญชา และ CW รวมทั้งเป็นศูนย์กลางการเรียนรู้การปลูกกัญชา CBD สูง THC ต่ำ ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ทั้งนี้ CW เป็นเจ้าของนวัตกรรมชุดปลูกอัจฉริยะ สามารถเพาะปลูกกัญชง-กัญชาที่มีคุณภาพได้มากกว่า 250,000 ต้นต่อปี ผลผลิตมีศักยภาพ นำไปแปรรูปเป็นสารสกัดได้ปริมาณหลายพันกิโลกรัมต่อเดือน และตั้งเป้าเพิ่มผลผลิตการปลูกกัญชา-กัญชงให้ได้กว่า 500,000-1,000,000 ต้นต่อปี ในอนาคต ซึ่งกำลังการผลิตที่มีจำนวนมากเพียงพอนี้ ยิ่งทำให้บริษัทเป็นที่ต้องการในกลุ่มลูกค้า ด้วยสามารถ supply ผลผลิตให้กับลูกค้าได้อย่างเต็มความต้องการ
“เรามีการเซ็น MOU กับทางลูกค้าเรียบร้อยแล้ว หลักๆ เป็นลูกค้าในธุรกิจโรงสกัดกัญชง-กัญชา คาดว่าผลผลิตกัญชงที่เราเริ่มปลูกล็อตแรก 40,000 ต้น คาดว่าจะสามารถเก็บเกี่ยวได้ราวเดือนเม.ย. นี้”
อย่างไรก็ตาม ในแผนธุรกิจของบริษัทวางเป้าหมายต้องการเป็นผู้ประกอบกาธุรกิจเกษตร โดยเฉพาะในกัญชง-กัญชา โดยเบื้องต้นจะเน้นเป็นผู้ประกอบการต้นน้ำธุรกิจกัญชงก่อน (ปลูก) สะท้อนผ่านปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างการศึกษาเข้า “ซื้อกิจการ” (M&A) ในธุรกิจต้นน้ำปลูกกัญชง-กัญชา ซึ่งเป็นผู้ประกอบการนอกตลาด คาดว่าจะมีความชัดเจนของการซื้อกิจการภายในไตรมาส 1 ปี 2565 รวมทั้งยังมีการศึกษาลงทุนในโครงการอื่นๆ อีกด้วย แต่อยู่ระหว่างการดำเนินการยังไม่สามารถบอกรายละเอียดได้
สำหรับ ผลประกอบการปี 2565 บริษัทคาดว่าจะเติบโตกว่าปี 2564 แน่นอน หลังจากบริษัทมีการขายธุรกิจโรงไฟฟ้าออกไปแล้ว และมาเน้นลงทุนในธุรกิจกัญชง-กัญชา ซึ่งถือว่าเป็นธุรกิจที่อยู่ในเทรนด์ของโลก หากดูผลดำเนินการย้อนหลัง (2562-งวด 9 เดือน 2564) พบว่า บริษัทมีกำไรสุทธิ 93.96 ล้านบาท 4.99 ล้านบาท และ 184.08 ล้านบาท ขณะที่ ราคาหุ้น EE ที่มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงสุด (All Time High) อยู่ที่ 2.20 บาทต่อหุ้น หรือ 18.92% ก่อนปิดตลาด 2.18 บาท (13 ม.ค.) คาดว่านักลงทุนเริ่มเห็นพัฒนาการธุรกิจของบริษัทหลังจากได้ลงทุนปลูกกัญชงแล้ว รวมทั้งกระแสธุรกิจกัญชง-กัญชากลับมาอีกรอบ