ส่องขุนพลเศรษฐกิจ “สร้างอนาคตไทย” ยังต้องรอ "บิ๊กเนม" สร้าง "เซอร์ไพรส์”
ส่องขุนพลเศรษฐกิจพรรคสร้างอนาคตไทย ระดมอดีตรัฐมนตรี ดึงมือเศรษฐกิจพรรคพลังประชารัฐ อดีตซีโอโอบิ๊กคอร์ป เครือข่ายชุมชนร่วมงาน "สนธิรัตน์" อุบชื่อแค่ขุนพลชุดแรก มั่นใจมีบิ๊กเนมตบเท้าเข้าร่วมอีกมาก อุบเซอร์ไพรส์ใหญ่
เปิดตัวอย่างเป็นทางการสำหรับพรรคการเมืองใหม่ “พรรคสร้างอนาคตไทย” นำโดย “อุตตม สาวนายน” อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และ “สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์” อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน พร้อมประกาศว่าจุดยืนของพรรคที่แตกต่างจากพรรคการเมืองอื่นคืออาสาเข้ามาแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ทั้งระยะสั้นคือปัญหาปากท้องของประชาชน และระยะยาวคือการสร้างอนาคตประเทศไทยในทางเศรษฐกิจให้มีที่อยู่ที่ยืนในเวทีโลก ให้ได้รับการจับตามองจากคู่ค้าและนักลงทุนทั่วทุกมุมโลกอีกครั้ง
เป็นธรรมดาเมื่อเปิดตัวด้วยการประกาศทำงานด้านเศรษฐกิจ ก็ต้องดูว่าในรายชื่อที่พรรคเปิดตัวบนเวทีใหญ่ใจกลางกรุงเทพฯนั้นมีใครกันบ้าง “กรุงเทพธุรกิจ” จะพาไปทำความรู้จักกับคนที่เป็นขุนพลเศรษฐกิจของพรรคการเมืองพรรคนี้ แม้ว่าจะมีการชี้แจงจาก สนธิรัตน์ แล้วว่าเป็นแค่ “ขุนพลชุดที่ 1” ของพรรคเท่านั้น
1.อุตตม สาวนายน อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และอดีตรัฐมนตรีกระทรวงเศรษฐกิจอีกหลายกระทรวง เช่น กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร อดีตหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ปัจจุบันอายุ 61 ปี อุตตม จบการศึกษาปริญญาตรี สาขาวิศวกรรมไฟฟ้า จากมหาวิทยาลัยบราวน์ สหรัฐอเมริกา ปริญญาโท สาขาบริหารธุรกิจ (การเงินและธุรกิจระหว่างประเทศ) Kellogg School of Management, มหาวิทยาลัยนอร์ทเวสเทิร์น สหรัฐอเมริกา และปริญญาเอก สาขาบริหารการเงินจากสหรัฐอเมริกา
อุตตม เป็นผู้บริหารสถาบันการเงินเอกชน ต่อมาทำงานเป็นอาจารย์ในสถาบันอุดมศึกษา เคยเป็นรองคณบดี ฝ่ายวิชาการและอาจารย์ประจำสาขาการเงินคณะบริหารธุรกิจที่นิด้า และได้รับแต่งตั้งเป็นอธิการบดีมหาวิทยาลัยกรุงเทพ ในเดือนมิถุนายน 2558 อุตตม เคยเป็นที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
2.สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ปัจจุบันอายุ 61 ปี อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน อดีตเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ และเป็นอดีตประธานสมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย
สนธิรัตน์สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี ด้านวัสดุศาสตร์ และบริหารธุรกิจมหาบัณฑิต จากจุฬาลงกรณ์ฯ เริ่มการทำงานจากการเป็นนักธุรกิจ เคยเป็นสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ ได้รับแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม (นางอรรชกา สีบุญเรือง) ในเดือนกันยายน พ.ศ. 2558 และเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2559
3.นริศ เชยกลิ่น ปัจจุบันอายุ 60 ปี เขาเป็นอดีตผู้บริหารระดับสูงด้านอสังหาริมทรัพย์ และการเงิน ที่ประสบความสำเร็จ เคยดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) และอดีตกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) มีประสบการณ์ด้านธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มาอย่างยาวนาน เป็นเจ้าของผลงานโครงการสิงห์คอมเพล็กซ์ ซันทาวเวอร์ โครงการครอสโร้ด (Cross Roads) ที่มัลดีฟส์ และโรงแรมกว่า 50 แห่ง ทั้งในไทย อังกฤษ และภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก
โดยนริศให้เหตุผลในการเข้ามาร่วมงานกับพรรคสร้างอนาคตไทยว่าอยากใช้ประสบการณ์ส่วนตัวและกาทำงานเพื่อพัฒนาระบบการเงิน การธนาคาร อสังหาริมทรัพย์ และทรัพยากรมนุษย์ เพื่อลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม
4.สันติ กีระนันทน์ ปัจจุบันอายุ 59 ปี เขาเป็นอดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ สังกัดพรรคพลังประชารัฐ ในปี 2562 เป็นอดีตกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงอุตสาหกรรม และ เป็นหนึ่งในคณะทำงานด้านเศรษฐกิจของพรรคพลังประชารัฐ
โดยก่อนจะเข้าสู่แวดวงทางการเมืองสันติมีประสบการณ์ และความเชี่ยวชาญด้านการบริหารจัดการทางการเงินและตลาดทุนมาอย่างยาวนาน
โดยเขาเคยเป็นอดีตกรรมการ บริษัทหลักทรัพย์ เพื่อธุรกิจหลักทรัพย์ จำกัด (มหาชน) อดีตรองผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย อดีตกรรมการบริษัท ทริส เรทติ้ง จำกัด อดีตกรรมการ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ในปี 2561 และประธานคณะกรรมการธุรกิจวาณิชธนกิจ เป็นต้น
5.ณพพงศ์ ธีระวร อดีตประธานสมาพันธ์ SMEs ไทย หรือ “ดร.เอก” ปัจจุบันอายุ 48 ปี เป็นชาวอำเภอรามัน จ.ยะลา จบการศึกษาชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ที่โรงเรียนสตรียะลา จบปริญญาตรี คณะบริหารธุรกิจ สาขาการตลาด มหาวิทยาลัยกรุงเทพ ในปี 2536 จบปริญญาโท คณะบริหารธรุกิจ สาขาการตลาด จาก Oklahoma City University ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อปี 2541 และจบปริญญาเอก คณะบริหารธุรกิจ ภาคภาษาอังกฤษ จากมหาวิทยาลัยรามคำแหง เมื่อปี 2552
ดร.เอก เป็นผู้ร่วมก่อตั้งสมาพันธ์ SMEs ไทย เคยดำรงตำแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ประธานกิตติมศักดิ์ สมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย กรรมการผู้จัดการ บริษัท วินซายน์ เซอร์วิสจำกัด และกรรมการผู้จัดการบริษัทชัย 2s เรียลเอสเตท จำกัด
6.วิรัช วิฑูรย์เธียร อดีตผู้เชี่ยวชาญสิ่งแวดล้อม จากธนาคารโลก เป็นบุคคลที่สนธิรัตน์แนะนำว่าได้ตัดสินใจเดินทางกลับมาประเทศไทยเพื่อทำงานให้กับประเทศเพราะอยากเห็นการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น วิรัชมีความสนใจและเชียวชาญในด้านการศึกษาอุตสาหกรรม และสิ่งแวดล้อม มีประสบการณ์การทำงานในด้านเศรษฐกิจ อุตสาหกรรมสิ่งแวดล้อม
โดยเคยเป็นที่ปรึกษาสถาบันระหว่างประเทศเพื่อการค้าและการพัฒนา เคยทำหน้าที่อดีตหัวหน้าผู้เชี่ยวชาญสิ่งแวดล้อมธนาคารโลกในปี 2016 – 2020 และเป็นที่ปรึกษาด้านอนุสัญญาเวียนนาและพิธีสารมอนทรีออล กรมโรงงานอุตสาหกรรม ซึ่งความเชี่ยวชาญของวิรัชเหมาะสมกับการกำหนดนโยบายเศรษฐกิจที่ต้องคำนึงถึงสภาวะแวดล้อม และกฎระเบียบเกี่ยวกับการลดคาร์บอนด้วย
7.พงศ์พรหม ยามะรัต อดีต CEO บริษัทเทคโนโลยีชั้นนำและนักต่อสู้เพื่อสิ่งแวดล้อม อดีตรองหัวหน้าพรรคกล้า ที่หันมาร่วมอุดมการณ์กับพรรคสร้างอนาคตไทย เขามีประสบการณ์ทำงานในบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำในตำแหน่ง CEO รวมทั้งเป็นที่ปรึกษาให้กับ Ford Thailand และ IBM Thailand ด้านนวัตกรรมและการพัฒนาเมือง
ชื่อของเขามักปรากฏอยู่ในทีมพัฒนาสังคม ทีมพัฒนาคอนเซปต์หรือเสนอไอเดียต่างๆ รวมถึงการสร้างสังคมสมัยใหม่ ยกตัวอย่างโครงการที่มีชื่อเสียงก็คงต้องพูดถึง “Big Tree” ซึ่งรณรงค์ให้คนเมืองหันมาใช้จักรยานเพื่อลดมลพิษและปัญหาจราจรในกรุงเทพฯ
8.โอฬาร วีระนนท์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการสร้าง และลงทุนในธุรกิจนวัตกรรม โดยเขาเป็นนักธุรกิจรุ่นใหม่ที่เป็น CEO และผู้ร่วมก่อตั้งสมาคมฟินเทคประเทศไทย ดูเรียน คอร์ปเปอเรชัน (DURAIN) รวมทั้งเคยดำรงตำแหน่งนายกสมาคมฟินเทคประเทศไทย มีความสนใจและความเชี่ยวชาญในการพัฒนาวิสาหกิจ ขนาดกลางและขนาดย่อม และเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการ Scale Up ธุรกิจนวัตกรรมในหลายอุตสาหกรรมของประเทศไทยให้ก้าวสู่การเป็น UNicons
9.สรรเพ็ชญ ศรีสวัสดิ์ ผู้ช่วยประธานสภาอุตสาหรกรรมการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย คนหนุ่มรุ่นใหม่ไฟแรงที่เป็นเจ้าของกิจการยอร์ชมาสเตอร์ ซึ่งมีเรือยอร์ชมากที่สุดในประเทศไทย เขายังมีตำแหน่งเป็นกรรมการบริหารสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดกระบี่ และประธานกรรมการบริษัท ลีฟไลฟ์ อันดามัน
สรรเพ็ชญ ให้เหตุผลในการเข้ามาร่วมในพรรคสร้างอนาคตไทยว่าตนคบุกคลีกับอุตสาหกรรม ท่องเที่ยวมาตั้งแต่เด็กๆเติบโตอยู่กับท้องทะเล จึงอนากเข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาและส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ให้เกิดขึ้นในประเทศไทย
และ 10.รักษ์พงษ์ เซ่งเจริญ อดีตผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนหมู่บ้าน และชุมชนเมืองแห่งชาติ โดยเข้ารับตำแหน่งในสมัยที่นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ เป็นรองนายกรัฐมนตรี ก่อนที่จะลาออกจากตำแหน่งในเวลาต่อมา รักษ์พงษ์มีความสนใจในเศรษฐกิจฐานราก มีเครือข่ายมูลนิธิสัมมาชีพที่เป็นเครือข่ายในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจชุมชน และประชาสังคม
เขามีความเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจฐานรากทำให้คนในชนบทมีรายได้มากขึ้น และถ้าทำให้เศรษฐกิจฐานรากเข้มแข็งขึ้นได้ เศรษฐกิจของประเทศก็สามารถเข้มแข็งขึ้นได้
...แม้จะมีการเปิดตัวบุคคลที่มีความรู้ความสามารถ ประสบการณ์ทางด้านเศรษฐกิจทั้งในการบริหารงานระดับประเทศ ไปจนถึงเศรษฐกิจฐานราก ไปแล้วหลายคน แต่รายชื่อที่ปรากฏออกมาอาจยังไม่ใช่คำตอบทั้งหมดของการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและยังไม่ถือว่าเป็น "บิ๊กเนม" ที่จะสร้างความเชื่อมั่นในทางเศรษฐกิจให้เกิดขึ้นในแบบที่เป็น “บิ๊กเซอร์ไพรส์” ในทางเศรษฐกิจเพื่อเรียกคะแนน ช่วงชิงความนิยมให้ได้ก่อนการเลือกตั้งครั้งใหญ่จะมาถึง