"สร้างอนาคตไทย" เปิดตัว มุ่งฟื้นศก. ลั่น ไม่ชู "ประยุทธ์" แคนดิเดตนายกฯ
"อุตตม-สนธิรัตน์" นำเปิดตัว "สร้างอนาคตไทย" ฟื้นเศรษฐกิจ โว ทำงานได้จริง เร่งระดมทุกสรรพกำลัง สร้างนโยบาย ลั่น ไม่ซ้ายสุดขั้ว ขวาสุดโต่ง ไม่โกงปล้นชาติ อาสาเป็นทางเลือก ยัน ไม่ใช่เฉพาะกิจ เป็นอะไหล่ใคร ยึดมั่น ปชต. ไม่ชู "ประยุทธ์" แคนดิเดตนายกฯ แย้ม สเปค "สมคิด" เข้าตา
ที่โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ แอท เซ็นทรัลเวิล์ด นายอุตตม สาวนายน อดีตรมว.คลัง นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ อดีตรมว.พลังงาน นำเปิดตัวพรรคสร้างอนาคตไทย และเปิดตัวสมาชิกพรรคอาทิ นายสุพล ฟองงาม อดีตส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคพลังประชารัฐ นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ อดีตสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ นายสันติ กีรนันท์ อดีตส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคพลังประชารัฐ นายบุญส่ง ชเลธร ผู้เชี่ยวชาญด้านระบบสวัสดิการประเทศยุโรป นายมนต์ชีพ ศิวะสินางกูร ครูและนักดนตรีชื่อดัง นายวิรัช วิฑูรย์เธียร อดีตหัวหน้าผู้เชี่ยวชาญสิ่งแวดล้อม จากธนาคารโลก นายอิธวัฒน์ พิทักษ์คุมพล รองเลขาธิการจุฬาราชมนตรี เป็นต้น
นายอุตตม กล่าวว่า วันนี้เป็นการประกาศเจตนารมย์ ทำงานแก้ปัญหาให้บ้านเมือง พรรคสร้างอนาคตไทย ไม่ใช่แค่พรรคการเมือง แต่เป็นพื้นที่เปิด รวมกลุ่มคนหลายสาขา ทุกเพศทุกสัย ระดมความคิดเห็น เพื่อฟื้นเศรษฐกิจของประเทศ ขับเคลื่อนอนาคตเพื่อคนรุ่นต่อไป เราหารือและเห็นพ้องแล้วว่าสถานการณ์ขณะนี้น่าเป็นห่วง เศรษฐกิจ สังคม การเมือง
นายอุตตม กล่าวว่า เรื่องเศรษฐกิจ ปัญหาปากท้อง ประชาชนกำลังเดือดร้อน รายได้ถดถอยสวนทางค่าครองชีพ ซึ่งการระบาดของโควิด-19 เรายังไม่เห็นว่าจะไปถึงจุดสิ้นสุดเมื่อไหร่ ขณะที่ปัญหาสังคม เมื่อเศรษฐกิจสะดุด ความเหลื่อมล้ำก็มากขึ้น กระทบความคนในสังคม บั่นทอนคุณภาพชีวิต หลังจากตนออกมาจากรัฐบาล ได้เจอผู้คนหลากหลาย ฟังเสียงสะท้อน พบว่าอยากเห็นสมการการเมืองที่เปลี่ยนแปลง ประเทศเดินหน้าราบรื่นอีกครั้ง จึงอยากเห็นพรรคการเมืองที่เกิดจากการรวมตัวกันของประชาชน ระดมความคิดแก้ปัญหาประเทศ เพื่อสร้างอนาคต จึงขอเชิญชวนทุกคน
นายอุตตม กล่าวว่า เราได้บุคลากรในอดีตที่ได้แสดงผลงาน เช่นในภาครัฐ อดีตรัฐมนตรี ผู้บริหาร ผู้เชี่ยวชาญด้านต่างๆ จากเอกชน เชื่อมั่นจะผนึกกำลังคนไทยทั่วประเทศ มั่นใจทำงานได้จริง นี่คือจุดยืน อย่างไรก็ตามปัญหาบ้านเมืองใหญ่หลวง ต้องระดมทุกสรรพกำลัง เราจะเริ่มระดมความคิดเห็นคนไทย เพื่อให้ตกผลึกในปัญหา และกำหนดแนวคิด นโยบาย ยุทธศาสตร์แนวปฏิบัติที่ทำได้จริง เพื่อจัดการปัญหาประเทศ พร้อมกับวางรากฐาน ให้คนไทยต้องมีความหวัง จับต้องได้ มีโอกาสพัฒนาความสามารถ ซึ่งเป็นความใฝ่ฝันของแต่ละคน เข้าถึงแหล่งทุนมีสิทธิเสรีภาพ ความยุติธรรมที่เท่าเทียม เสมอภาค
"พรรคสร้างอนาคตไทยไม่ซ้ายสุดขั้ว ไม่ขวาสุดโต่ง ไม่โกง ไม่ปล้นชาติ อาสาเป็นอีกทางเลือกให้คนไทย"นายอุตตม กล่าว
ขณะที่นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า พรรคเกิดด้วยสถานการณ์ของบ้านเมือง ตนและนายอุตตม เคยคุยกันแล้วว่าจะไม่กลับมาทำการเมืองอีก พอแล้วจากที่ทำมาหลายปี แต่สถานการณ์ที่เห็นบ้านเมืองวันนี้ ประชาชนต่างมองไม่เห็นความหวัง ไม่มีความหวังในการฝ่าวิกฤติให้กับชีวิต ตั้งแต่ปัญหาโควิด การทำมาหากิน ปัญหารายได้ จึงรู้สึกจำเป็นอีกครั้งที่จะขออาสาเข้ามา เรามีโอกาสคุยกันปัญหาวันนี้ถลำลึก จากการบริหารและสถานการณ์โควิด ปีท้ายๆ เราเหนื่อยกับสถานการณ์ที่ซ้ำเติม การแก้ปัญหาจึงต้องแก้จากผู้ที่รู้จริงไม่ใช่คิดและคาดการณ์เอาเอง จึงมีการรวบรวมความเห็นจากผู้รู้ เพื่อจัดทำนโยบาย และเตรียมพบกับมิติใหม่ในการสร้างเครื่องมือระดมความเห็นตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ถือเป็นเรื่องสำคัญที่รอไม่ได้ บางเรื่องต้องยื่นแก้ไขกฎหมายซึ่งก็ต้องทำ จะเป็นจุดเริ่มต้นช่วยกันไม่ให้ประเทศถดถอยไปกว่านี้ จึงจำเป็นที่ประเทศต้องมีความหวังอีกสักครั้ง
โดยในช่วงหนึ่ง นายอุตตม ตอบคำถามสื่อมวลชน คาดหวังจะเป็นรัฐบาลได้อย่างไรหรือไม่ ว่าเราอาสาทำงานให้บ้านเมืองเป็นหน้าที่ในฐานะคนไทยเพื่อขับเคลื่อนประเทศ อนาคตหากได้รับความไว้วางใจ ถึงเวลาเลือกตั้งเชื่อว่าพร้อมทำงานเพื่อประชาชน ถ้าประชาชนไว้วางใจเราพร้อมที่จะทำงาน
นายอุตตม กล่าวอีกว่า ส่วนพรรคจะสนับสนุนใครเป็นแคนดิเดตนายกฯ นั้น พรรค มีขั้นตอนในการพิจารณาคุณสมบัติ ขณะที่ชื่อของนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ อดีตรองนายกฯ ก็ทราบดีว่าสนิทกับพวกเรา ตอบตรงๆ นายสมคิดไม่ทิ้งพวกเรา ถามตนเหมาะหรือไม่ ตนเชื่อว่าท่านเหมาะสม แต่ก็ต้องช่วยกันพิจารณา โดยพรรคจะเสนอครบทั้ง3รายชื่อ
ขณะที่นายสนธิรัตน์ ระบุว่า นายสมคิด มีคุณสมบัติเป็นที่จับตามอง มีผู้เรียกร้องให้เป็นผู้นำในอนาคต แต่ถึงอย่างไรก็ตาม พรรคจะสรรหาคนที่มีคุณสมบัติเหมาะสมดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป
"ผมกล้าประกาศว่าพรรคไม่เสนอชื่อพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นแคนดิเดตนายกฯของพรรค" นายสนธิรัตน์ กล่าว
ขณะที่นายอุตตม ยืนยัน พรรคนี้ไม่ใช่พรรคอะไหล่และไม่เกี่ยวข้องอะไรกับพล.อ.ประยุทธ์ และที่นายกฯ ระบุว่าไม่เกี่ยวข้องกับพรรคนั้น ก็เป็นเรื่องจริง ยืนยันพรรคไปเอี่ยงข้างใดข้างหนึ่งพรรคขับเคลื่อนตามที่อาสา ไม่ต้องการเป็นส่วนหนึ่งของความขัดแย้ง ทั้งเรื่องการเมืองที่ไม่สามารถทำหน้าที่ให้ประชาชนได้อย่างแท้จริง แม้เราเคยทำงานในรัฐบาลร่วมกับพล.อ.ประยุทธ์ แต่เราไปทำงานให้กับบ้านเมือง หลายเรื่องก็บรรลุผลมีความคืบหน้า แต่เมื่อเงื่อนไขเปลี่ยนก็ต้องออกมาทำพรรคให้ประชาชน ไม่ได้ทำให้ใคร
"พวกผมเดินออกมาแล้วไม่หันหลังกลับ" นายอุตตม กล่าว
อย่างไรก็ตาม นายสนธิรัตน์ ระบุว่า ความเห็นแตกต่างต้องไม่เป็นอุปสรรคในทางการเมือง ต้องไม่นำไปสู่ความแตกแยก เราไม่ได้ตั้งพรรคเฉพาะกิจ ไม่ได้ตั้งพรรคเป็นอะไหล่ใคร โดยจุดแตกต่างของพรรคนี้กับพรรคอื่น คือการฟื้นเศรษฐกิจของประเทศ โดยผู้มีประสบการณ์ ส่วนจะเลือกทำงานกับใครก็ต้องมีอุดมการณ์ที่สอดรับกัน พรรคจะไม่ไปซ้ำเติมความขัดแย้งแตกแยกในสังคมไทย แต่จะสร้างความเปลี่ยนแปลง ตรงนี้เป็นเจตนารมย์ของพรรคโดยในการเลือกตั้ง ก็อยู่ที่ประชาชนตัดสินใจอย่างไร หลังการเลือกตั้งพรรคจะพิจารณาบทบาทต่อไปว่าจะทำงานกับใครหรือไม่อย่างไร
"เรายืนหยัด อุดมการณ์ประชาธิปไตย ไม่เช่นนั้นจะไม่กลับมาทำการเมือง เราเคารพและยึดมั่นประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข นี่เป็นจุดยืนของพรรค และขอประกาศว่าพรรคเป็นประชาธิปไตย เคารพการตัดสินใจประชาชน และพรรคนี้ไม่มีเจ้าของ" นายสนธิรัตน์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับรายชื่อ นักการเมือง นักธุรกิจ และบุคคลหลากหลายวงการ ที่เปิดตัวเป็นผู้ร่วมอุดมการณ์ และผู้สนับสนุนพรรค นอกจาก นายนิพิฎฐ์ อินทรสมบัติ อดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ นายสุพล ฟองงาม อดีต รมช.มหาดไทย อดีตส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ นายสันติ กีระนันท์ อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ นายมนต์ชีพ ศิวะสินางกูร อดีตกรรมการบริหารพรรคกล้า นายวัชระ กรรณิการ์ อดีตรองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แล้ว ยังมีกลุ่มนักธุรกิจ และผู้มีชื่อเสียงในสังคม อาทิ นายนริศ เชยกลิ่น อดีตผู้บริหารระดับสูงด้านอสังหาริมทรัพย์และการเงิน นายณพพงศ์ ธีระวง อดีตประธานสมาพันธ์ SME นายพงศ์พรหม ยามะรัต อดีตซีอีโอ บริษัทเทคโนโลยีชั้นนำ และนักต่อสู้เพื่อสิ่งแวดล้อม นายวิรัช วิฑูรย์เธียร อดีตหัวหน้าผู้เชี่ยวชาญสิ่งแวดล้อมจากธนาคารโลก นายอิธวัฒน์ พิทักษ์คุมพล รองเลขาธิการจุฬาราชมนตรี ศ.กำพล ปัญญาโกเมศ อดีตอธิการบดีสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (NIDA) เป็นต้น