‘ตั้งงี่สุน’ วิ่งสู้ฟัด ควงเนสท์เล่-ยูนิลีเวอร์ โกยยอดขายภูธรโต
ปี 2564 ธุรกิจที่สร้างยอดขายเติบโตฝ่าวิกฤติโควิดได้ ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะต้องติดอาวุธการตลาดครบมือ ต่อกรกับภาวะเศรษฐกิจ กำลังซื้อชะลอตัว ทว่ายักษ์ใหญ่ค้าปลีก-ค้าส่งในจังหวัดอุดรธานี “ตั้งงี่สุน” ปิดยอดขายราว 3,700 ล้านบาท ปี 2565 วางแผน “วิ่งสู้ฟัด” หวังโต 5-6%
มิลินทร์ วีระรัตนโรจน์ ประธาน กรรมการผู้จัดการ บริษัท ตั้งงี่สุน ซูเปอร์โสตร์ จำกัด ซึ่งดำเนินธุรกิจค้าส่ง-ค้าปลีก และถือเป็นผู้เล่นรายใหญ่ในจังหวัดอุดรธานี มีร้านอยู่ 2 สาขา ทั้งในตัวเมืองตำบลนาดี และถนนโพธิ์ศรี เพื่อขายสินค้าอุปโภคบริโภคจำนวนมาก และสามารถสร้างยอดขายหลัก “พันล้านบาท” ต่อปี จึงเป็นพันธมิตรสำคัญของผู้ผลิตรายใหญ่ หมายตาร่วมทำการค้าเพื่อกระตุ้นยอดขายโกยรายได้
ปี 2564 บริษัทปิดยอดขายราว 3,700 ล้านบาท แต่ภาพรวมการค้าขายไม่ง่าย ผู้บริโภคกำลังซื้อชะลอตัว เพราะผลกระทบจากโรคโควิด-19 ส่วนผู้ประกอบการร้านค้าส่ง-ค้าปลีก ดำเนินธุรกิจแบ่งเป็น 3 แบบ ได้แก่ 1.ผู้ประกอบการที่ยังเดินหน้าทำตลาดอย่างหนัก โดยไม่กลัวปัจจัยลบ ซึ่ง “ตั้งงี่สุน” เลือกวิธีดังกล่าว 2.ผู้ประกอบการที่กล้าๆกลัวๆ ทำให้ขายสินค้าเชิงรุกบ้าง ชะลอแผนงาน ลดการทำกิจกรรมการตลาดเป็นระยะๆ และ3.ผู้ประกอบการที่มีความระมัดระวัง จะชะลอการค้าขายไปเลย
สถานการณ์ดังกล่าว ยังส่งผลต่อธุรกิจต้นน้ำ หรือผู้ผลิตสินค้าต่างๆ ต้องปรับเปลี่ยนหรือโยกเป้าหมายยอดขาย จากช่องทางจำหน่าย หน้าร้านหนึ่งที่ชะลอตัว ไปยังร้านที่มีศักยภาพในการเติบโต ขณะเดียวกัน ปีที่ผ่านมา โควิด-19 ทำให้รัฐออกมาตรการต่างๆกระทบ “ห้างค้าปลีก” ทำให้ยอดขายช่องทางเหล่านี้ “หลุดเป้า” และ “ตั้งงี่สุน” เป็นหนึ่งในร้านที่ได้รับมอบหมายให้ช่วยปั๊มยอดขายเพิ่มขึ้นจากยักษ์ใหญ่สินค้าอุปโภคบริโภค โดยเฉพาะ “ยูนิลีเวอร์” และ “เนสท์เล่”
Cr.เพจ ตั้งงี่สุนซูเปอร์สโตร์
ทั้งนี้ การโหมทำการตลาดอย่างหนัก จัดโปรโมชั่น กระตุ้นการตัดสินใจซื้อของลูกค้า ทำให้ “ตั้งงี่สุน” ผลักดันยอดขายของยูนิลีเวอร์ปิดที่ 500 ล้านบาท จากเป้าเดิมอยู่ที่ 410 ล้านบาท เช่นเดียวกับ “เนสท์เล่” ที่ปิดยอดขายได้ราว 800 ล้านบาท และบริษัทพยายามจะกระตุ้นให้ยอดขาย “เนสท์เล่” แตะระดับ 1,000 ล้านบาทต่อปี
“ยอดขายตั้งงี่สุนเติบโตทุกปี และปีที่ผ่านมาผู้ผลิตหรือซัพพลายเออร์หลักๆ สามารถทำยอดขายทะลุเป้าที่ตั้งไว้ ซึ่งแม้จะเกิดวิกฤติโรคโควิด-19 ระบาด แต่ขับเคลื่อนธุรกิจของแต่ละบริษัทต้องเติบโต ซึ่งผู้ผลิตเหล่านั้นจะพิจารณาร้านค้าไหนที่ยังบ้าเลือด ลุยขายสินค้า เดินหน้าทำโปรโมชั่นอย่างต่อเนื่อง ก็จะได้รับภารกิจให้สร้างยอดขายเพิ่มขึ้น”
ส่วนภาพรวมปี 2565 บริษัทยังตั้งเป้ายอดขายเติบโต 5-6% ท่ามกลางปัจจัยที่มีความเปราะบางมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการระบาดของไวรัสโอมิครอน กำลังซื้อของผู้บริโภคที่ชะลอตัว การอัดฉีดเม็ดเงินของรัฐเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจลดลง เช่น โครงการคนละครึ่งที่ลดวงเงินให้แก่ผู้บริโภคเป็นครัวเรือน แนวโน้มราคาสินค้าปรับตัวสูงขึ้น ฯ จะเป็นตัวแปรที่กระทบการเติบโตของธุรกิจอย่างมาก
Cr.เพจ ตั้งงี่สุนซูเปอร์สโตร์
อย่างไรก็ตาม ภาวะราคาสินค้าแพงอาจกระทบกับผู้บริโภคกลุ่มใหญ่ แต่เชื่อว่าตลาดยังมีช่องว่างให้เติบโตจากกลุ่มเป้าหมายเฉพาะหรือ นิช มาร์เก็ต ที่ซื้อสินค้าพรีเมี่ยมากขึ้น เช่น กระแสนิยมบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปต่างประเทศราคา 30-40 บาทต่อซอง หรือบะหมี่ฯไทยราคา 10 บาท การบริโภคเครื่องดื่มเบียร์แบรนด์ต่างประเทศ เช่น บัดไวเซอร์ โฮการ์เด้น ซึ่งแพงกว่าเบียร์ไทยเกือบเท่าตัว
“ข้าวยากหมากแพง เป็นปัจจัยหนึ่งที่กระทบค่าครองชีพผู้บริโภค แต่ต้องพิจารณาเซ็กเมนต์อื่นด้วย เช่น กลุ่มพรีเมี่ยมที่ยังมีการเติบโต แบรนด์ต้องหาทางทำตลาด อย่ายึดติดกรอบความสำเร็จขายสินค้าเซ็กเมนต์เดิมๆ”
อย่างไรก็ตาม การทำธุรกิจในปี 2565 หัวใจสำคัญเพื่อประคองให้อยู่รอดคือการ “วิ่งสู้ฟัด” เดินหน้าทำกิจกรรม การตลาดต่างๆ
“ปี 2564 ตั้งงี่สุนวิ่งสู้ฟัดอยู่แล้ว ปีนี้ต้องวิ่งสู้ฟัดต่อ ห้ามหยุด ต้องวิ่งอย่างเดียว เพื่อให้พ้นน้ำก่อน เพราะสถานการณ์ธุรกิจตอนนี้เหมือนจมน้ำ แต่เหนื่อยแค่ไหนผู้ประกอบการต้องวิ่งเพื่อให้มีรายได้ดูแลพนักงาน ขณะเดียวกันปีนี้อย่ามองกำไร หรือหากมีกำไรอาจน้อยหน่อย เพราะบริษัทมีค่าใช้จ่ายในการดูแลป้องกันโควิด-19 เพิ่มขึ้นมหาศาล”