กพร. แจงกรณีต่ออายุประทานบัตร 4 แปลง ให้ "อัครา รีซอร์สเซส"

กพร. แจงกรณีต่ออายุประทานบัตร 4 แปลง ให้ "อัครา รีซอร์สเซส"

อธิบดีกรมเหมืองแร่ฯ แจงกรณีต่ออายุประทานบัตร 4 แปลง ให้ บริษัท อัครา รีซอร์สเซส ขณะที่ไทยและ "คิงส์เกต" บริษัทแม่ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ออสเตรเลีย ยังมีประเด็นไกล่เกลี่ยข้อพิพาททางการค้าระหว่างประเทศ ซึ่งจะมีการอ่านคำพิพากษาอนุญาโตตุลาการในวันที่ 31 มกราคม นี้

นายนิรันดร์ ยิ่งมหิศรานนท์ อธิบดีกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ (กพร.) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 21 มกราคมที่ผ่านมา ได้เชิญกรรมการผู้จัดการบริษัท อัครา รีซอร์สเซส จำกัด (มหาชน) เข้ารับมอบนโยบายการทำเหมืองและการประกอบโลหกรรมเพื่อผลิตทองคำ ภายหลังจากที่ คณะกรรมการแร่ฯ ได้พิจารณาให้ความเห็นชอบการอนุญาตให้ต่ออายุประทานบัตร ออกไปอีก 10 ปี ตั้งแต่วันที่ 30 ธันวาคม 2564 ถึงวันที่ 29 ธันวาคม 2574 ด้วยวิธีการทำเหมืองแร่แบบเหมืองเปิด

โดยประทานบัตร 4 แปลง ได้แก่ ประทานบัตรที่ 25528/14714 ในพื้นที่ตำบลท้ายดง อำเภอวังโป่ง จังหวัดเพชรบูรณ์ และประทานบัตรที่ 26910/15365 ประทานบัตรที่ 26911/15366 และประทานบัตรที่ 26912/15367 ในพื้นที่ตำบลเขาเจ็ดลูก อำเภอทับคล้อ จังหวัดพิจิตร 

 

รวมทั้ง กรมฯ ได้อนุญาตการต่ออายุใบอนุญาตประกอบโลหกรรมที่ 1/2551 ให้แก่บริษัทฯ เพื่อประกอบโลหกรรมแร่ทองคำ ออกไปอีก 5 ปี ตั้งแต่วันที่ 19 มกราคม 2565 ถึงวันที่ 18 มกราคม 2570 ด้วยวิธีการโลหะวิทยาสารละลาย วิธีการโลหะวิทยาไฟฟ้า และวิธีการโลหะวิทยาความร้อน ที่ตำบลเขาเจ็ดลูก อำเภอทับคล้อ จังหวัดพิจิตร และที่ตำบลท้ายดง อำเภอวังโป่ง จังหวัดเพชรบูรณ์ 

ซึ่งคำขอต่ออายุประทานบัตรทั้งหมดเป็นคำขอที่บริษัทฯ ได้ยื่นไว้ตามพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. 2510 และพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. 2560 ในพื้นที่ประทานบัตรเดิม และต่อมาได้ยื่นเอกสารประกอบคำขอเพิ่มเติมตามที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. 2560 รวมทั้งได้ดำเนินการตามกรอบนโยบายบริหารจัดการแร่ทองคำด้วยแล้ว 

 

ทั้งนี้ การอนุญาตอาชญาบัตรพิเศษและการประกอบโลหกรรม รวมถึงการอนุญาตให้ต่ออายุประทานบัตรดังกล่าว เป็นไปเพื่อสนับสนุนภาคอุตสาหกรรมของไทยให้มีวัตถุดิบทองคำและเงินทดแทนการนำเข้า

ทั้งยังช่วยเสริมสร้างเศรษฐกิจให้กับประเทศ และยกระดับรายได้ ตลอดจนคุณภาพชีวิตของประชาชนในชุมชนบริเวณใกล้เคียงให้สูงขึ้น ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่ฝืดเคือง ประชาชนมีรายได้ลดลงจากสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ต้องดำเนินการด้วยความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชนด้วย