เอ็น.ซี.เฮ้าส์ซิ่งลดเสี่ยงอสังหาฯดันเวลเนสสร้างมูลค่าเพิ่มรายได้
เอ็น.ซี.เฮ้าส์ซิ่ง รับเมกะเทรนด์ เฮลธ์แอนด์เวลเนส ปั้น “Nc Regen” เวลเนสสปอร์ตหวังสร้างรายได้ประจำ ลดความเสี่ยงธุรกิจ พร้อมลุยเปิดโครงการใหม่แนวราบเจาะคนทำงานซื้อบ้านหลังแรกเซกเมนต์ 3-5 ล้าน ตั้งเป้ายอดขาย 4.6 พันล้านปีนี้
นายสมนึก ตันฑเทอดธรรม กรรมการผู้จัดการบริษัท เอ็น.ซี เฮ้าส์ซิ่ง จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ภาพรวมอสังหาริมทรัพย์ ปี 2565 อยู่ในสภาวะค่อยๆ ฟื้นตัว โดยปัจจัยลบจากความเสี่ยงของการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน ปัญหาห่วงโซ่อุปทานจากภาวะชะงักงันที่มีแนวโน้มยืดเยื้อ รวมถึงปัญหาเงินเฟื้อ น่าจะทยอยคลี่คลายในช่วงครึ่งปีหลัง ส่งผลต่อดีมานด์ หรือความต้องการบ้านแนวราบมปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง แม้จะยังมีความกดดันด้านการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ
แนวโน้มดังกล่าวบริษัทจึงให้ความสำคัญกับการสร้างธุรกิจที่สร้างรายได้ประจำ (Recurring Income) ด้วยการเพิ่มพอร์ตรายได้จากธุรกิจที่เกี่ยวกับ “เฮลธ์แอนด์เวลเนส” เนื่องจากเป็นเมกะเทรนด์ที่ตอบสนองกับพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปหลังเกิดโควิด โดยหันมาให้ความสำคัญและดูแลสุขภาพมากขึ้น
โดยก่อนหน้านี้ได้ทดลองเปิดบริการ “ศิริอรุณ เวลเนส” รองรับกลุ่มผู้สูงอายุที่ต้องการการฟื้นฟูร่างกาย ปีนี้บริษัทจัดสรรงบประมาณ 200 ล้านบาท ในการขยายธุรกิจบริการภายใต้แบรนด์ “Nc Regen” ในรูปแบบเวลเนสสปอร์ต หรือศูนย์รวมด้านกีฬาและศูนย์สุขภาพครบวงจร ถือเป็นนวัตกรรมบริการด้านสุขภาพให้กับลูกบ้าน ซึ่งจะเป็นจุดขายที่สร้างความแตกต่างและสร้างรายได้ประจำ รวมทั้งลดความเสี่ยงทางธุรกิจให้กับ เอ็น.ซี เฮ้าส์ซิ่ง
ทั้งนี้ “Nc Regen” เป็นบริการที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกบ้านกว่า 7,000 ครอบครัวในโซนเหนือ ในการดูแลรักษาสุขภาพครบวงจร ประกอบด้วย ศูนย์กายภาพบำบัดและฟื้นฟูสุขภาพ, สปา สำหรับผู้สูงอายุ, ศูนย์โภชนาการ Education Hub, All From Home Center, คลินิคดูแลความงาม สระว่ายน้ำขนาดใหญ่ และ ฟิตเนสขนาดใหญ่ รองรับกิจกรรมการดูแลสุขภาพ โดยจะมีการเปิดบริการ 2 ศูนย์ใหญ่ ในโครงการบ้านฟ้าปิยรมย์ วงแหวนลำลูกกาคลอง 6 มีขนาดพื้นที่ 5,328 ตร.ม. และ ธัญญะ กอล์ฟ คลับ ลำลูกกาคลอง 5 ขนาดพื้นที่ 1,015 ตร.ม. คาดว่า 3 ปี รายได้ประจำจะมีสัดส่วน 5-10%
“ในอนาคตพอร์ตบริการจะกลายเป็นรายได้ที่มีการเติบโตก้าวกระโดด รวมทั้งเป็นจิ๊กซอว์สำคัญในการแตกไลน์ธุรกิจใหม่ร่วมกับพาร์ทเนอร์ รวมทั้งดึงลูกบ้านของเอ็น.ซี เข้ามาร่วมใช้บริการในรูปแบบของแพลตฟอร์มที่เป็นคอมมูนิตี้ ”
นายสมนึก กล่าวต่อว่า สำหรับแผนการเปิดตัวโครงการในปีนี้ บริษัทได้เตรียมเปิดตัว 5 โครงการกระจายครอบคลุมทุกพื้นที่ทั่วกรุงเทพฯ มูลค่ารวมกว่า 4,500 ล้านบาท ทั้งในโซนกรุงเทพฯ ตอนเหนือ ตะวันออก โซนศรีนครินทร์ บางนา, ตะวันตกโซนราชพฤกษ์ พุทธมณฑล และใต้ รวมทั้งในโซนอีอีซี รองรับการขยายฐานลูกค้าที่อยู่ในนิคมอุตสาหกรรม
โดยปีนี้เน้นการทำตลาดบ้านระดับราคา 3-5 ล้านบาท แบ่งเป็นบ้านเดี่ยว 40-50% บ้านแฝด 20% และทาว์นเฮ้าส์ 30% รองรับกลุ่มคนวัยทำงานอายุ 26-27 ปี ที่ต้องการซื้อบ้านหลังแรก ส่วนใหญ่อยู่ระหว่างการสร้างครอบครัวจึงต้องการที่อยู่ที่มีพื้นที่มากกว่าคอนโดมิเนียม แต่มีงบประมาณจำกัด
ดังนั้นบริษัทจึงต้องให้ความสำคัญในการควบคุมต้นทุนให้สามารถขายสินค้าได้ในราคาที่กลุ่มเป้าหมายสามารถจับต้องได้โดยเฉพาะเซ็กเมนต์ 3-5 ล้านบาท เป็นฐานลูกค้าขนาดใหญ่ ที่ผ่านมาบริษัทมีความได้เปรียบในแง่ต้นทุนที่ดิน เพราะเป็นที่เก่าซื้อมานานแล้ว แต่ในปีนี้มีแผนซื้อที่ดินเพิ่มรองรับการขยายฐานลูกค้าให้ครอบคลุมในทุกพื้นที่มากขึ้น ไม่จำกัดเฉพาะในโซนกรุงเทพฯ ตอนเหนือเท่านั้น