แอสเซท ไฟว์ รุกแนวราบ3โครงการมูลค่า 3.2พันล้าน
แอสเซท ไฟว์ รุกตลาดแนวราบ3 โครงการมูลค่า 3,200 ล้านบาทปลายปีนี้ ไฮไลท์เป็นโครงการบ้านหรูทำเลกรุงเทพ-กรีฑาตัดใหม่มูลค่า 2,700 ล้านบาทพร้อมเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอไตรมาสแรก
นายศุภโชค ปัญจทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซท ไฟว์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัทวางแผนการเปิดตัวโครงการใหม่ปีนี้ 3 โครงการเป็นแนวราบทั้งหมด มูลค่า 3,200 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงบ้านหรูระดับพรีเมี่ยม มูลค่า2,700 ล้านบาท ตั้งอยู่ในย่านถนนกรุงเทพกรีฑาตัดใหม่ ส่วนอีก 2 โครงการมูลค่า 500 ล้านบาท ตั้งอยู่ที่จังหวัดอุดรธานี ประกอบด้วยโครงการ รชยา ประชาสันติ และโครงการรชยา บ้านช้าง 3 ช่วงปลายปี
ปัจจุบันบริษัทมีโครงการที่อยู่ระหว่างการขายทั้งโครงการพร้อมอยู่และอยู่ระหว่างก่อสร้างจำนวน 7 โครงการ ประกอบด้วยคอนโดมิเนียม 3 โครงการ คือ โครงการไวโอ แคราย 1 และแคราย 2 ซึ่งเป็นคอนโดฯพร้อมอยู่อยู่ใกล้สถานีรถไฟฟ้าสายสีม่วง โครงการต้นสน เรสซิเดนซ์ อยู่ระหว่างก่อสร้าง คาดว่าจะสร้างเสร็จพร้อมโอนในช่วงไตรมาส 1-2 ปี 2566
ส่วนบ้านแนวราบมี 4 โครงการ คือ โครงการวนา เรสซิเดนซ์ พระราม 9 – ศรีนครินทร์ บ้านเดี่ยว 3 ชั้นระดับซูเปอร์ลักซ์ชัวรี่ มูลค่าโครงการประมาณ 1,900 ล้านบาท และอีก 3โครงการอยู่ที่จังหวัดอุดรธานี คือ โครงการบ้านรชยา บ้านช้าง มูลค่าโครงการกว่า 250 ล้านบาท โครงการบ้านรชยา บ้านช้าง 2 มูลค่าโครงการกว่า 400 ล้านบาท และโครงการ อุดรธาบ้านรชยา วงแหวน – นาดี มูลค่าโครงการ 200 ล้านบาท บริษัทตั้งเป้าอัตราการเติบโตของยอดรับรู้รายได้เฉลี่ยปีละ 30-50%
ล่าสุดบริษัทอยู่ระหว่างการพิจารณาอนุมัติในขั้นตอนสุดท้ายจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเพื่อให้สามารถซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ ภายใต้ชื่อย่อหลักทรัพย์ “A5” คาดว่าจะเริ่มซื้อขายหุ้นได้ภายในไตรมาส 1 ปี 2565 นี้เป็นต้นไป
นายศุภโชค ระบุว่า ปีนี้ตั้งเป้ายอดรับรู้รายได้จากการโอนกรรมสิทธิ์ไว้ที่ 1,000 ล้านบาท แบ่งเป็นรายได้จากกการโอนโครงการในกรุงเทพฯ 800 ล้านบาท ส่วนหนึ่งจะมาจากการขายและโอนบ้านพร้อมอยู่เฟสสุดท้ายของโครงการวนา เรสซิเดนซ์ พระราม 9 – ศรีนครินทร์ ประมาณ 500 ล้านบาท เป็นบ้านสร้างเสร็จพร้อมเข้าอยู่ขนาด 5 ห้องนอน 6 ห้องน้ำ พื้นที่ใช้สอย 492 ตารางเมตร จอดรถ 4 คัน ราคาขาย 35 – 50 ล้านบาท คาดว่าจะปิดการขายทั้งโครงการได้ภายในปีนี้ ส่วนรายได้อีก 200 ล้านบาทมาจากการโอนโครงการบ้านแนวราบที่จังหวัดอุดรธานี