PTTEP จ่อจับมือบริษัทเครือปตท. ลุยธุรกิจโรงไฟฟ้า
“ปตท.สผ.” เปิด 6 ภารกิจสำคัญปี 2565 ลุยธุรกิจเดิม - ใหม่ เดินหน้าขยายลงทุน “เทคฯ - พลังงานไฟฟ้า” คาดสรุปแผนลงทุน “โครงการยาดานา” มี.ค. นี้ หลัง “โททาล” ถอนตัว พร้อมตั้งเป้ายอดขายปีนี้โตจากปีก่อน
นางสาวอรชร อุยยามะพันธุ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการเงิน บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ PTTEP เปิดเผยว่า สำหรับธุรกิจในปี 2565 บริษัทให้ความสำคัญ 6 เป้าหมาย คือ 1.การเปลี่ยนผ่านในการรับเป็นผู้ดำเนินการผลิตแหล่งก๊าซธรรมชาติบงกช และเอราวัณ เนื่องจากเป็นพันธกิจสำคัญที่บริษัทต้องผลิตก๊าซธรรมชาติจากอ่าวไทยอย่างต่อเนื่อง
2.การพัฒนามูลค่าเพิ่มจากแหล่งก๊าซธรรมชาติต่างๆ ให้มีมูลค่ามากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในมาเลเซีย 3.มุ่งสำรวจแหล่งก๊าซธรรมชาติใน 4 ประเทศ จำนวน 21 หลุม คือ ไทย , มาเลเซีย , UAE และ เม็กซิโก ซึ่งจะเน้นในต่างประเทศ 17 หลุม และในไทย 4 หลุม 4. ลดปริมาณก๊าซเรือนกระจก และมุ่งสู่การเป็นองค์กรคาร์บอนต่ำ (CCS) 5. มุ่งสู่ Net Zero ในอนาคต และ 6. ขยายธุรกิจใหม่ ซึ่งปี 2564 บริษัทมีการจัดตั้งบริษัทย่อยเพื่อลงทุนในธุรกิจเทคโนโลยี และ AI รวมทั้งตั้งบริษัทย่อยผลักดันธุรกิจพลังงานไฟฟ้าอนาคต และพลังงานหมุนเวียน ซึ่งปัจจุบันบริษัทศึกษาพลังงานไฮโดรเจน หากลงทุนจะร่วมมือกับบริษัทในเครือ ปตท.
นายธนัตถ์ ธำรงศักดิ์สุวิทย์ ผู้จัดการ แผนกนักลงทุนสัมพันธ์ PTTEP เปิดเผยว่า บริษัทอยู่ระหว่างพิจารณาการดำเนินการกับแหล่งก๊าซธรรมชาติโครงการยาดานา ประเทศเมียนมา โดยคาดจะได้ความชัดเจนเกี่ยวกับการลงทุนในโครงการนี้ภายในไม่เกินกลางเดือนมี.ค.2565 หลังจากที่ผู้ร่วมทุนและผู้ดำเนินการอย่างบริษัท โททาลเอนเนอร์ยี่ส์ อีพี เมียนมา ได้ส่งจดหมายอย่างเป็นทางการขอถอนตัวจากโครงการดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าโครงการลงทุนในเมียนมาทั้งหมดยังสามารถดำเนินการได้ตามปกติ แต่อาจมีความล่าช้าในบางเรื่องจากปัญหาการเมืองและการระบาดของโควิด-19
สำหรับ เป้าหมายยอดขายปี 2565 คาดจะเติบโตเพิ่มขึ้นจากปีก่อน โดยคาดการณ์ปริมาณการขายเฉลี่ยสำหรับไตรมาส 1 ปี 65 อยู่ที่ประมาณ 4.36 แสนบาร์เรลต่อวันและทั้งปี 65 ที่ประมาณ 4.67 แสนบาร์เรลต่อวัน เนื่องจากมีโครงการใหม่เข้ามาและโครงการ G1/61 (แหล่งเอราวัณ) จะเริ่มรับรู้เข้ามาในปีนี้ ประกอบกับราคาน้ำมันในตลาดโลกที่น่าจะอยู่ในระดับสูง และการบริหารจัดการของบริษัทที่ยังอยู่ในระดับที่ดี
ส่วนราคาขายก๊าซธรรมชาติเฉลี่ยไตรมาส 1 ปี 65 และทั้งปี 65 คาดจะอยู่ที่ประมาณ 6.0 และ 5.9 ดอลลาร์ต่อล้านบีทียู ตามลำดับ เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า เป็นผลจากการปรับราคาย้อนหลังของราคาก๊าซธรรมชาติ สะท้อนช่วงที่ราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้นค่อนข้างมาก และคาดจะสามารถรักษาต้นทุนต่อหน่วยได้ที่ประมาณ 27-28 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ลดลงจากปีก่อน จากการบริหารจัดการต้นทุน รวมถึงอัตรากำไรก่อนดอกเบี้ย ภาษี และค่าเสื่อมราคา (EBITDA Margin) คาดจะอยู่ที่ระดับ 70-75%
นอกจากนี้สำหรับเงินลงทุนตามแผน 5 ปีที่บริษัทประกาศไป คาดว่าจะใช้งบลงทุนในส่วนของรายจ่ายลงทุน และรายจ่ายดำเนินงานปีนี้รวมประมาณ 5.6 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งใช้ในโครงการที่กำลังผลิตอยู่ เช่น การลงทุนในโครงการ G1/61 (แหล่งเอราวัณ) และโครงการ G2/61 (แหล่งบงกช) รวมถึงโครงการที่อยู่ระหว่างการพัฒนา
พิสูจน์อักษร โดย....สุรีย์ ศิลาวงษ์