KTC มุ่งขยายการเติบโตเชิงรุกในปี 2565
KTC ปรับแผนสร้างการเติบโตของ KTBL (บริษัทลูกที่ KTC ถือหุ้น 75% และ KTB ถือหุ้น 25%) เป็นเชิงรุกมากกว่าที่เราคาดเอาไว้ก่อนหน้านี้
โดย KTC ผลักดันให้ KTBL เป็นตัวขับเคลื่อนการเติบโต โดยตั้งเป้าการเติบโตสินเชื่อไว้ที่ 1.1 -1.2 หมื่นล้านบาท ซึ่ง 1 หมื่นล้านบาทจะมาจากช่องทางเครือข่ายของ KTB และที่เหลือจะมาจากช่องทางอื่น ๆ อย่างเช่นการ outsource และเครือข่ายสาขา 11 แห่งของ KTBL ทั้งนี้ สินเชื่อของ KTBL จะเป็นสินเชื่อยีสด์สูง ซึ่งจะมีทั้งสินเชื่อแบบมีหลักประกัน (รวมสินเชื่อจำนำทะเบียน) และสินเชื่อปลอดหลักประกัน (รวมสินเชื่อส่วนบุคคล และบัตรกดเงินสด) ผู้บริหารเชื่อว่าอัตราการเติบโตของสินเชื่อมีความเป็นเป็นไปได้ สินเชื่อส่วนนี้จะมุ่งไปที่ลูกหนี้ SME เพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน ซึ่งเป็นกลุ่มที่ได้รับ soft loan เมื่อปี 2564 โดยสินเชื่อใหม่นี้จะเป็นส่วนหนึ่งของการ
กำหนด KPI สำหรับประเมินผลตอบแทนให้กับพนักงานของ KTB ด้วย
สินเชื่อบัตรเครดิต และสินเชื่อส่วนบุคคลเร่งตัวขึ้นทั้งคู่
นอกจากการเร่งสร้างการเติบโตจากธุรกิจใหม่ภายใต้ KTBL แล้ว สินเชื่อบัตรเครดิต และสินเชื่อส่วน
บุคคลยังเร่งตัวขึ้นทั้งคู่ โดยตั้งเป้ายอดการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตเพิ่มขึ้น 10% และสินเชื่อส่วนบุคคล
เพิ่มขึ้น 7% (สูงกว่าอัตราการเติบโตเฉลี่ยน 3 ปี CAGR ของสินเชื่อบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคลที่
3% และ 0.5% ตามลำดับ) จากการเพิ่มลูกค้าใหม่ในกลุ่ม premium และการออกแคมเปญใหม่ MAAI By
KTC ซึ่งมุ่งเป้าจะสร้างระบบนิเวศใหม่ให้กับผู้ถือบัตร และผู้ออกบัตรในการบริหารจัดการ
CRM/royalty campaign ร่วมกับพันธมิตรผู้ออกบัตร และเพิ่มยอดการใช้จ่ายผ่านบัตร และธุรกิจใหม่ ๆ
โตมากขึ้น ค่าใช้จ่ายก็เพิ่มขึ้นด้วย
จากการใช้โหมดการขยายตัวอย่างระมัดระวังทำให้ KTC สามารถบริหารจัดการให้ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานลดลงได้ ส่งผลให้สัดส่วน C/I ลดลงเหลือ 31.5% ในปี 2564 (จาก 33-34% ก่อน COVID ระบาด) อย่างไรก็ตาม การปรับสู่โหมดการขยายตัวเชิงรุกจตะทำให้ค่าใช้จ่ายด้านการตลาด และต้นทุนการได้มาของธุรกิจใหม่เพิ่มขึ้น ดังนั้น เราจึงปรับเพิ่มสมมติฐานค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานขึ้น ส่งผลให้สัดส่วน C/I เพิ่มขึ้นเป็น 32.3%/32.5% ในปี 2565/66
ปรับเพิ่มประมาณการกำไรปี 2565/66 ขึ้นอีก 2%/3%, ปรับเพิ่มราคาเป้าหมายปี 2565F เป็น 72.00 บาท (P/E ที่ 25x)
เราปรับเพิ่มสมมติฐานอัตราการขยายตัวของสินเชื่อปี 2565/66 เป็น 18%/8% (จากเดิม 10%/12%) ปรับลด yield สินเชื่อลงเหลือ 19.8%/19.8% (จากเดิม 20.1%) และปรับเพิ่มสัดส่วน C/I เป็น 32.3%/32.5% (จากเดิม 31%) ซึ่งเมื่อใช้ P/E ที่ 25x ทำให้เราได้ราคาเป้าหมายปี 2565F ใหม่ที่ 72 บาท (จากเดิมที่ 69 บาท) และเรายังคงคำแนะนำ ซื้อ KTC
Risks
NPLs เพิ่มขึ้น, สินเชื่อไม่โตตามคาด, ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานเพิ่มขึ้นมากกว่าที่คาด