SMPC กำไรจะทรง ๆ ในปี 2565 (วันที่ 17 ก.พ. 2565)

SMPC กำไรจะทรง ๆ ในปี 2565 (วันที่ 17 ก.พ. 2565)

สถานการณ์ขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์ทำให้ SMPC สร้างโกดังเพื่อเก็บสินค้าที่ผลิตเสร็จแล้ว และทำให้กระบวนการจัดส่งสินค้าเป็นไปอย่างราบรื่น ซึ่งจะช่วยหนุนปริมาณยอดขายใน 1Q65 และเมื่อประกอบกับอุปสงค์ที่แข็งแกร่งจาก backlog ที่มือที่มีไปถึงอย่างน้อยใน 1H65

บริษัทจึงตั้งเป้าปริมาณยอดขายเอาไว้ที่ 8.0 ล้านถัง (+16% YoY) ในปี 2565 และ 9.2 ล้านถัง (+15% YoY) ในปี 2566 เราคาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นจะมีโมเมนตั้มดีขึ้นใน 1Q65 เนื่องจาก i) ราคาเหล็กแผ่นรีดร้อนมีเสถียรภาพมากขึ้น (ราคา HRC เฉลี่ย QTD อยู่ที่ US$1,315/ton (+12% YoY แต่ -25% QoQ) ii) ปรับราคาสินค้าส่วนใหญ่ไปเรียบร้อยแล้ว และ iii) ประหยัดต้นทุนได้จากการติดตั้ง solar roof top อย่างไรก็ตาม เนื่องจากไม่มีสิทธิประโยชน์ทางภาษีใน 1Q65 ดังนั้นกำไรในไตรมาสแรกจึงอาจจะหดตัวลง QoQ แต่จะยังเพิ่มขึ้น YoY

 

ปรับประมาณการปี 2565F-2566F เล็กน้อย

เราได้ทบทวนสมมติฐานดังต่อไปนี้ i) ปรับปริมาณยอดขายปี 2565 เป็น 8.0 ล้านถังตามเป้าของผู้บริหาร ii) ปรับลดอัตรากำไรขั้นต้นลงประมาณ 0.5ppts เพื่อสะท้อนถึงต้นทุนวัตถุดิบที่สูง และช่วงเหลื่อมเวลาในการปรับราคาขายตามต้นทุน iii) SG&A iv) อัตราแลกเปลี่ยน และ v) ค่าใช้จ่ายภาษี (ใช้สมมติฐานว่าสิทธิประโยชน์ทางภาษีจะเริ่มมีผลใน 4Q65) โดยมีรายละเอียดดังที่แสดงใน Figure 1 ดังนั้น เราจึงปรับเพิ่มประมาณการกำไรปี 2565 ขึ้นจากเดิม 18% และปี 2566 ขึ้นจากเดิม 16% ซึ่งจะทำให้กำไรสุทธิของ SMPC เพิ่มขึ้น 2% YoY ในปี 2565 (จากฐานที่สูงในปี 2564 เพราะได้อานิสงส์จากสิทธิประโยชน์ทางภาษี) และ 8% YoY ในปี 2566

 

 

 

 

 

 

Valuation & action

เราปรับเพิ่มราคาเป้าหมายสิ้นปี 2565 เป็น 14.40 บาท จากเดิม 12.40 บาท อิงจาก PER ที่ 10.4X (ค่าเฉลี่ยในอดีต) ทั้งนี้ เนื่องจากราคาปิดล่าสุดยังเหลือ upside อีก 8% เราจึงมองว่ายังมีโอกาสให้เข้าเก็งกำไรได้ ในขณะที่อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลที่ประมาณ 6% จะเป็นตัวช่วยประคองราคาหุ้นเอาไว้ ดังนั้น เราจึงยังคงคำแนะนำถือ SMPC

 

Risks

เงินบาทแข็งค่าขึ้น, ความเสี่ยงด้านกฎเกณฑ์ของทางการ, ราคาวัตถุดิบผันผวน, นโยบายการค้า, ความเสี่ยงด้านเครดิต, ความเสี่ยงจากสินค้าแทนกัน