‘อุบลไบโอเอทานอล’ ปั้นแป้งฟลาว ‘เรือธงใหม่’ จับตลาดออร์แกนิคโลก
เมื่อ 30 ก.ย.2564 บริษัท อุบล ไบโอ เอทานอล จำกัด (มหาชน) หรือ UBE ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมไบโอเอทานอล และแป้งมันสำปะหลังยาวนานกว่า 10 ปี เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ไอพีโอวันแรก (เทรด)
เปิดตลาดราคาหุ้นอยู่ที่ 2.28 บาท ลดลง 0.12 บาท หรือลดลง 5% จากราคาขาย IPO ที่กำหนดไว้หุ้นละ 2.40 บาทช่วงนั้นมีคำถามมากมาย ว่า เหตุใด? ธุรกิจที่โดดเด่นและกำลังเป็นเทรนด์ของโลกยุคคนรักสุขภาพ ถึงไม่เข้าตานักลงทุน !
แต่มาวันนี้ ! สะท้อนผ่านตัวเลขผลประกอบการปี 2564 ที่เติบโต “โดดเด่น” มีกำไรสุทธิ 320.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 223.1% เทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน และมีรายได้ 6,966.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 57.1% เทียบจากช่วงเดียวกันปีก่อนเนื่องจากปริมาณจำหน่ายผลิตภัณฑ์ที่มี “มูลค่าเพิ่ม” ที่เติบโตขึ้นทั้งแป้งออร์แกนิค และเอทานอลเกรดอุตสาหกรรม
โดยเฉพาะอีกหนึ่งธุรกิจที่น่าจับตาของ UBE นั่นคือ “กลุ่มแป้งมันสำปะหลัง” ซึ่งมียอดส่งออกเติบโตแบบโดดเด่นมาก...
“เดชพนต์ เลิศสุวรรณโรจน์” กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท อุบล ไบโอ เอทานอล จำกัด (มหาชน) หรือ UBE เล่าให้ฟังว่า สำหรับแผนธุรกิจในปี 2565 บริษัทได้ตั้งเป้ารายได้ไม่ต่ำกว่า 7,000 ล้านบาท โดยจะปรับสัดส่วนรายได้กลุ่มสินค้ามันสำปะหลัง และอาหารขยับเป็น 50% ซึ่งส่วนสำคัญคือ การเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ นั่นคือ “แป้งฟลาวมันสำปะหลัง” ที่จะมาเจาะตลาดคนรักสุขภาพ และบริษัทตั้งเป้าว่าจะเป็นสินค้า “เรือธงตัวใหม่” จะช่วยดันให้สัดส่วนรายได้กลุ่มแป้งมัน และอาหารแตะระดับ 70% ในอนาคต
ณ ปัจจุบันสัดส่วนรายได้หลักของ UBE จะมาจากธุรกิจเอทานอลเป็นส่วนใหญ่ รองลงมาคือกลุ่มสินค้าแป้งมันสำปะหลัง แต่ในช่วงไม่กี่ปีให้หลังที่ผ่านมา กลุ่มสินค้ามันสำปะหลังและเกษตรออร์แกนิคกลับเป็นสินค้าที่เติบโตด้านรายได้ขึ้นมาอย่างโดดเด่น จนไตรมาส 3 ปี 2564 สัดส่วนรายได้ของทั้ง 2 สินค้าอยู่ในระดับสัดส่วนรายได้เท่ากันคือ 50:50
อย่างไรก็ตาม บริษัทเป็นผู้ผลิตและส่งออกสินค้าแป้งมันสำปะหลังออร์แกนิคที่มีมาร์เก็ตแชร์เป็นอันดับ 1 ของโลก โดยส่งออกไปยังตลาดหลักอย่างสหรัฐ ยุโรป จีน ญี่ปุ่น และเกาหลี และจากความได้เปรียบในการเป็นเจ้าตลาดแป้งมันสำปะหลังออร์แกนิค ทำให้ UBE ได้ต่อยอดพัฒนาสินค้าออกมาเพื่อเจาะตลาดอาหารสุขภาพ
เขาบอกต่อว่า ในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้คนสนใจ และหันมาดูแลสุขภาพมากยิ่งขึ้น รวมทั้งเทรนด์กระแสสุขภาพที่มาแรงมาก ผลักดันให้มูลค่าตลาดออร์แกนิคในปัจจุบันอยู่ในระดับหลัก “แสนล้านบาท” และเติบโตในตัวเลข 2 หลักตลอดทุกปี จึงเป็นเหตุผลสำคัญที่บริษัทหันมาเน้น และให้ความสนใจที่จะนำกลุ่มสินค้าออร์แกนิคเข้าสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ หากมองในแง่ของสัดส่วนอัตรากำไรขั้นต้นในกลุ่มสินค้าแป้งมันสำปะหลังแล้ว พบว่าสินค้าแป้งธรรมดาจะอยู่ที่ 13-15% แป้งออร์แกนิคอยู่ที่ 30-40% ขณะที่แป้งฟลาวมันสำปะหลังจะสูงถึง 50% ซึ่งปี 2564 ที่ผ่านมา UBE ได้เริ่มทำตลาดและได้รับการตอบรับอย่างดีจากกลุ่มลูกค้าฝั่งตะวันตกเป็นอย่างมาก ซึ่งทำให้ทางบริษัทเตรียมแผนที่จะนำสินค้าตัวนี้เจาะตลาดอาหารสุขภาพโลก เนื่องจาก UBE เองมีตลาด-ลูกค้าที่รองรับอยู่ทั่วโลก สะท้อนผ่านจากสัดส่วนมาร์เก็ตแชร์ในตลาดแป้งออร์แกนิคเป็นอันดับ 1 ของโลกถึง 60%
นอกจากนี้ในอนาคต UBE ได้เดินหน้ารุกธุรกิจเกษตรอินทรีย์ชนิดอื่นๆ ล่าสุดได้เริ่มปลูกกาแฟในพื้นที่สปป.ลาว 700 ไร่ โดยวางเป้าอนาคตอาจจะไปถึงระดับ 1 หมื่นไร่ รวมถึงกำลังศึกษาการปลูกข้าวอินทรีย์ด้วยเช่นกัน
โดยก่อนหน้านี้ แผนลงทุนหลังระดมทุนในตลาดหุ้น บริษัทนำเงินระดมทุนส่วนใหญ่ จะนำมาใช้ในกลุ่มธุรกิจเกษตร และอาหารเป็นสำคัญ1.ขยายกำลังการผลิตแป้งฟลาวมันสำปะหลังเป็น 300 ตันต่อวัน คาดว่าจะใช้เงินลงทุนประมาณ 300 ล้านบาท ก่อสร้างเสร็จปี 2566
2.เพิ่มสายการผลิต ผลิตภัณฑ์สารให้ความหวาน ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการแปรรูปมันสำปะหลังออร์แกนิคที่มีมูลค่าสูง โดยกำลังผลิต 300 ตันต่อวัน คาดจะใช้เงินลงทุน300 ล้านบาท ภายในปี 2565-2566
3.ปรับปรุงกระบวนการผลิตแป้งมันสำปะหลัง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ และลดต้นทุนในการผลิต โดยคาดจะใช้งบลงทุนประมาณ 100 ล้านบาท ภายในปี 2565-2566
4. ก่อสร้างโรงสีเชอร์รี กาแฟออร์แกนิคในแขวงสาละวัน สปป.ลาว ซึ่งสามารถรองรับวัตถุดิบเชอร์รีกาแฟได้ 200 ตันต่อวัน และมีแผนก่อสร้างโรงคั่วกาแฟออร์แกนิค โดยคาดจะใช้เงินลงทุนรวมประมาณ 100 ล้านบาท
ท้ายสุด “เดชพนต์” บอกไว้ว่า แม้ธุรกิจอนาคต UBE จะวางแป้งฟลาวเป็นเรือธงใหม่ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้อยู่ดีว่าเรือธงปัจจุบันอย่างเอทานอลก็ยังคงเป็นรายได้หลัก โดยเอทานอลในเกรดอุตสาหกรรมที่ได้รับความนิยมอย่างสูงในช่วงการระบาดของโควิด-19 ส่งผลให้สัดส่วนมาร์จินของเอทานอลเกรดอุตสาหกรรมล่าสุดพุ่งขึ้นมาถึง 30%
พิสูจน์อักษร โดย....สุรีย์ ศิลาวงษ์