TWPC มุ่งเน้นสินค้า margin สูงมากขึ้น (3 มี.ค. 65)
ยอดขายแป้งมันสำปะหลังน่าจะได้อานิสงส์จากอุปสงค์และราคาขายที่สูง รายได้ที่เกี่ยวกับแป้งมันสำปะหลังของบริษัทเพิ่มขึ้น 37% YoY ในปี 2564 จาก
i) ความต้องการสินค้าที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากประเทศจีน (+61% YoY) ซึ่งไม่มีการใช้มาตรการ lockdown และใช้ทดแทนแป้งข้าวโพด (corn starch) ii) ราคาส่งออกที่สูงถึง 475-495 ดอลลาร์ฯ ต่อตัน (เฉลี่ย +9% YoY) นอกจากนี้ GPM ของแป้งมันสำปะหลัง (tapioca starch) ยังเพิ่มขึ้นจาก 12% ในปี 2563 เป็น 17% ในปี 2564 เนื่องจาก i) spread ของแป้งมันสำปะหลัง เพิ่มขึ้นตามราคาขายและต้นทุนที่ดีขึ้น ii) สัดส่วนของ
แป้งมันสำปะหลังมูลค่าเพิ่ม (HVA) เพิ่มขึ้น สำหรับระยะต่อไป TWPC จะมุ่งเน้นที่ผลิตภัณฑ์ HVA ซึ่งมีอัตรากำไรสูงกว่าและมีเสถียรภาพมากกว่าแป้งดิบ (native starch) ในขณะที่คาดว่า GPM ของธุรกิจแป้งมันสำปะหลังในปีนี้จะยังอยู่ที่ 17%
ผลผลิตมันสำปะหลังน่าจะเพิ่มขึ้น 4% YoY เป็น 33.0 ล้านตันในฤดูกาล 2564/2565 ในขณะที่ TWPC คาดว่าราคาส่งออกแป้งมันสำปะหลังจะทรงตัวอยู่ในระดับสูงที่ 470-490 ดอลลาร์ฯ ต่อตันในปี 2565 (ราคาปัจจุบันอยู่ที่ 495 ดอลลาร์ฯ ต่อตัน) เรามองว่าบริษัทน่าจะได้อานิสงส์จาก i) อุปสงค์ผลิตภัณฑ์จาก แป้งสำปะหลังที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในประเทศจีน ii) margin ที่สูงเนื่องจากราคาส่งออกแป้งมันสำปะหลังยังอยู่ในระดับสูง
ยอดขายอาหารโตจากการขยายสายการผลิต และช่องทางการจำหน่าย
ธุรกิจอาหารดีขึ้น 13% YoY ในปี 2564 เนื่องจาก i) ยอดขายโตถึง 79% ในเวียดนามและ ii) มีช่องทางการจำหน่ายเพิ่มขึ้น โดยอัตรากำไรขั้นต้นจากธุรกิจนี้สูงถึง 31-32% ในปี 2563-2564 สำหรับในระยะต่อไป TWPC คาดว่าปริมาณยอดขายอาหารจะเติบโตอย่างแข็งแกร่งในระดับสองหลักในปี 2565F เนื่องจาก i) มีการเพิ่มจำนวนสินค้าใหม่อีก 8-10 SKUs ซึ่งจะมุ่งไปที่อาหารเพื่อสุขภาพ, อาหารพร้อมทาน และอาหารพร้อมปรุง โดยจะส่งออกไปที่ยุโรป/สหรัฐเพิ่มขึ้น ii) มีการขยายช่องทางการจำหน่ายในประเทศทั้งในรูปแบบ traditional และ modern iii) คาดว่าธุรกิจอาหารในเวียดนามจะดีขึ้น เนื่องจากมีจำนวนร้านเพิ่มขึ้นเป็น 10,000 ร้าน ทั่วประเทศ (จากเดิม 5,000 ร้าน)
ขยายเข้าสู่ธุรกิจพลาสติกชีวภาพจากแป้งมันสำปะหลัง
บริษัทกำลังเตรียมเปิดตัวธุรกิจใหม่ ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์พลาสติกชีวภาพที่ใช้แป้งมันสำปะหลังเป็นวัตถุดิบภายใต้แบรนด์ “ROSECO” สำหรับบรรจุภัณฑ์แบบใช้ครั้งเดียว และพลาสติกคลุมดิน (plastic mulch) ซึ่งจะเริ่มเปิดดำเนินการในเดือนมีนาคม 2565 โดยจะมีกำลังการผลิตในเฟสแรก 3,000 ตันต่อปี
i) TPS biopolymer: เป็นส่วนผสมที่เพิ่มเข้ามาเพื่อเพิ่มสัดส่วนสารชีวภาพในการผลิตพลาสติกหมุนเวียน
(renewable-plastic production) บริษัทคาดว่าธุรกิจนี้จะมีอัตรากำไรขั้นต้น 20%
ii) TPS bio-compound: บริษัทคาดว่าผลิตภัณฑ์ bio-compound จะมีอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 15-20%
บริษัทคาดว่าธุรกิจนี้จะสร้างรายได้ 1.0 พันล้านบาทในอีก 3-5 ปีข้างหน้า และคาดว่าจะเริ่มต้นเฟสสองได้ทันที่ที่เฟสแรกเริ่มเปิดดำเนินการ เรามองว่าธุรกิจใหม่นี้จะช่วยหนุน i) รายได้ และ ii) มูลค่าเพิ่มของมันสำปะหลัง และ margin ในขณะเดียวกัน อุปสงค์พลาสติกชีวภาพทั่วโลกอยู่ที่ 2 ล้านตัน และอุปสงค์ bio-compound อยู่ที่ 400,000 ตันในปี 2564 ซึ่งคาดว่าจะโตได้ในระดับสองหลักในอีกสองสามปีข้างหน้า จากข้อกำหนดเรื่องการใช้พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวที่ย่อยสลายได้ในยุโรปและจีน ซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าเป้าหมายของ TWPC
แนวโน้มผลการดำเนินงานและกำไรปี 2565F-2566F
บริษัทคาดว่ายอดขายจะอยู่ที่ 1 หมื่นล้านบาท (+10% YoY) และคาดว่า margin จะยังอยู่ที่ประมาณ 20%
ในปี 2565F จากการเติบโตของทุกกลุ่มธุรกิจ รวมถึงธุรกิจใหม่อย่างพลาสติกชีวภาพด้วย ทั้งนี้ consensus คาดว่ากำไรสุทธิของ TWPC จะอยู่ที่ 479 ล้านบาท (+48% YoY) ในปี 2565F (คิดเป็น EPS ที่ 0.53 บาท, P/E ที่ 13x) และ 534 ล้านบาทในปี 2566F (+12% YoY) เรามองว่ายอดขายของ TWPC จะแข็งแกร่งในปี 2565F เนื่องจากยังมีอุปสงค์อย่างต่อเนื่อง และราคาส่งออกยังอยู่ในระดับสูง อย่างไรก็ตาม กำไรสุทธิอาจจะออกมาต่ำกว่า consensus ที่ 419 ล้านบาท (+30% YoY) อิงจาก margin ที่เพิ่มขึ้นเป็น 20.5% และสัดส่วน SG&A/ยอดขายที่ดีขึ้น ทั้งนี้ ตามคาดการณ์ของเราคิดเป็น EPS ปี 2565F ที่ 0.48 โดย PER เฉลี่ยของกลุ่มอุตสาหกรรมอยู่ที่ 15x