CPALL ผนึกโลตัสส์ สร้าง‘รีเทลอีโคซิสเต็ม’ ดันยอดขายปีนี้พุ่ง

CPALL ผนึกโลตัสส์ สร้าง‘รีเทลอีโคซิสเต็ม’ ดันยอดขายปีนี้พุ่ง

"ซีพีออลล์” คาดกำไรปี 65 ฟื้น เหตุเน้นขายสินค้ามาร์จิ้นสูง พร้อมผนึก โลตัสส์ หนุนบริหารต้นทุนดีขึ้น   ทุ่มงบลงทุนปีนี้ 1.1-1.2 หมื่นล้าน ขยายสาขาในประเทศไทย -ต่างประเทศ

นางสาวจิราพรรณ ทองตัน หัวหน้านักลงทุนสัมพันธ์ บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ CPALL เปิดเผยว่า  ในช่วงที่ผ่านมาบริษัทเตรียมตัวรับกับสถานการณ์ต่างๆได้ดีขึ้นทุกปี โดยปีนี้คาดหวังกำไรมีโอกาสปรับตัวดีขึ้น เนื่องจาก เน้นพัฒนาสินค้าใหม่ๆในกลุ่มสินค้าที่ทำกำไรสูง อย่างสินค้าเรดดี้ทูอีทและเรดดี้ทูดริ้ง เช่น กลุ่มอาหารนานาชาติ 

รวมถึงกลุ่มสินค้าอิ่มคุ้ม ที่ตั้งระดับราคาเหมาะสมกับสถานการณ์และเงินในกระเป๋าของลูกค้า ดึงลูกค้าเพิ่มขึ้น โดยบริหารจัดการควบคุมต้นทุนวัตถุดิบได้ทำให้ไม่มีการปรับขึ้นราคาสินค้า แม้ราคาน้ำมันจะปรับเพิ่มขึ้น ขณะที่ช่องทางเดลิเวอร์รี่มีผลตอบรับที่ดีมาก

นอกจากนี้กลุ่มซีพีออลล์ มีโอกาสร่วมมือกับ โลตัสส์ พัฒนาทั้งหน้าร้านและแพลตฟอร์มต่างๆ ในส่วนที่เป็น Support Functions และ Operation เช่น ในส่วนของ Online to Offline (O2O) รวมถึงสร้างรีเทลอีโคซิสเต็มส์ (online commerce) จะเป็นส่วนหนึ่งที่พัฒนาขึ้นมาเพื่อใช้ร่วมกันซึ่งจะสร้างจุดแข็งภายใต้กลุ่มบริษัท และประหยัดต้นทุนต่างๆ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการ

 นางสาวจิราพรรณ กล่าวว่า  ยอดขายจากสาขาเดิม(SSSG)ในช่วง2 เดือนแรก(ม.ค.-ก.พ.)ปี 2565 ปรับตัวดีขึ้นมากจากไตรมาส 4 ปี 2564 และคาดSSSG ไตรมาส 1 ปี 2565 น่าจะเติบโตดีกว่าไตรมาส 4 ปี 2564 ที่เติบโต 1% เพราะ มาตรการรัฐมีความผ่อนคลายกว่าในช่วงปีที่ผ่านมา ทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจกลับมามีมากขึ้นในเทศกาลต่างๆ หรือการท่องเที่ยวในประเทศต่อเนื่องทำให้การจับจ่ายใช้สอยปรับตัวดีขึ้นในปีนี้

ขณะที่การฉีดวัคซีนเพิ่มขึ้น แม้ว่าจำนวนผู้ติดเชื้อ แต่หากการควบคุมมาตรการยังอยู่ในระดับที่เหมาะสม สร้างโมเมนตัมยอดขายปรับตัวดีขึ้นกลับมาใกล้เคียงภาวะปกติต่อเนื่องถึงสิ้นปีนี้โดยคาดว่าทั้งปี 2565มีการขับเคลื่อนการบริโภคในประเทศ  แนวโน้มการเติบโตของยอดขายจากสาขาเดิม(SSSG)ในปี 2565 บริษัทคาดเติบโตทิศทางเดียวกับจีดีพีปีนี้และอาจมากกว่าจีดีพีได้หากมีการขับเคลื่อนการบริโภคในประเทศ            

 สำหรับปีนี้บริษัทตั้งงบลงทุน 11,500-12,000 ล้านบาท เท่ากับปีก่อน ส่วนใหญ่ประมาณ 3,800 - 4,000 ล้านบาท ใช้ในการขยายสาขา 7-Eleven ในพื้นที่ที่มีศักยภาพเพิ่มอีก 700 สาขา เช่นเดียวกับปีก่อน ที่เหลือเป็นการปรับปรุงร้านค้า ลงทุนในโครงการใหม่บริษัทในเครือและศูนย์กระจายสินค้า และค่าใช้จ่ายสินทรัพย์ถาวรและระบบไอที

ส่วนในต่างประเทศในปีนี้ จะขยายสาขาในประเทศกัมพูชา  เพิ่มเป็น10 สาขา จากสิ้นปีก่อนมี 6 สาขา ส่วนความคืบหน้าใน สปป.ลาว คาดเปิดสาขาแรกได้ในปีนี้ หลังสถานการณ์โควิด-19เริ่มคลี่คลาย