นายกฯเรียกพลังงานถกด่วน หลังราคาน้ำมันจ่อพุ่งเกิน 120 ดอลลาร์/บาร์เรล

นายกฯเรียกพลังงานถกด่วน หลังราคาน้ำมันจ่อพุ่งเกิน 120 ดอลลาร์/บาร์เรล

"ประยุทธ์" เรียกกระทรวงพลังงานหารือที่ทำเนียบรับมือราคาน้ำมันพุ่ง ตลาดโลกมีแนวโน้มพุ่งเกิน 120 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล น้ำมันดิบเบรนท์ปรับลงเล็กน้อยที่112 ดอลลาร์ ต่อบาร์เรล รับผลเจรจารัสเซีย - ยูเครน แต่คาดยังมีแนวโน้มขาขึ้นต่อเนื่อง

รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาลเปิดเผยว่าในช่วงเช้าวันนี้ (4 มี.ค.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เข้าปฏิบัติหน้าที่ที่ทำเนียบรัฐบาล ได้เรียกนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พลังงาน และนายกุลิศ สมบัติศิริ ปลัดกระทรวงพลังงานเข้าหารือเพื่อรับมือกับสถานการณ์ราคาน้ำมันที่ยังทรงตัวอยู่ในระดับสูงจากสถานการณ์การสู้รบระหว่างรัสเซีย กับ ยูเครน 

ปัจจุบันราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกยังเคลื่อนไหวในระดับสูงกว่า 110 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ณ เวลา 12.00 น.วันนี้สัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้าน้ำมันเบรนท์ทะเลเหนืออยู่ที่ 112 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลปรับลดลงเล็กน้อยจากวานนี้ที่ราคา 114 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลจากการเจรจาระหว่างรัสเซีย ยูเครนวานนี้ที่อาจมีการกำหนดการหยุดยิงชั่วคราว 

รวมทั้งสถานการณ์ความคืบหน้าเรื่องการเจรจานิวเคลียร์ระหว่างสหรัฐฯกับอิหร่านที่ทำให้อุปทานน้ำมันจะเพิ่มขึ้นในอนาคต  

อย่างไรก็ตามหลายฝ่ายประเมินว่าราคาน้ำมันจะปรับเพิ่มขึ้นสูงกว่า 120 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล โดยจะส่งผลต่อราคาขายปลีกน้ำมันในประเทศที่เพิ่มขึ้น รวมถึงกระทบต่อสถานะของกองทุนน้ำมันซึ่งกระทรวงพลังงานเตรียมที่จะขอกู้เงินอีก 1 หมื่นล้านบาทเพื่อเสริมสภาพคล่องกองทุนน้ำมัน และรับมือกับการตรึงราคาดีเซลที่ 30 บาทต่อลิตร 

วานนี้ (3 มี.ค.) พล.อ.ประยุทธ์ ได้เรียกทีมที่ปรึกษาเศรษฐกิจ และรมว.พลังงาน มาหารือ โดยมีการเปิดเผยจาก นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกรัฐบาล และ นายทศพร ศิริสัมพันธ์ ประธานที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีว่า นายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้ดูแลราคาพลังงานไม่ให้ส่งผลกระทบต่อค่าครองชีพของประชาชน โดยเน้นการให้ความช่วยเหลือกับผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ในกลุ่มที่เป็นผู้เปราะบาง โดยอาจให้ส่วนลดกับผู้ใช้น้ำมันเบนซิน ควบคู่ไปกับการลดค่าครองชีพโดยการลดค่าน้ำ ค่าไฟ และค่าก๊าซหุงต้ม ให้กับประชาชน 

นายสมภพ พัฒนอริยางกูล โฆษกกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า กระทรวงพลังงานเตรียมมาตรการรับมือราคาพลังงานพุ่ง โดยขณะนี้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้านนโยบายจะกลับมาดูสถานการณ์ใกล้ชิด เพื่อให้ประชาชนโดยเฉพาะกลุ่มเปราะบางให้ได้รับผลกระทบให้น้อยที่สุด โดยเฉพาะการคงราคาดีเซลไม่เกินลิตรละ 30 บาท

“กระทรวงพลังงานยังคงมาตรการตรึงราคาพลังงานพร้อมประเมินสถานการณ์เป็นระยะ สถานการน้ำมันเปลี่ยนแปลงเร็ว เงินกู้จะเข้ามาช่วยสร้างสภาพคล่องให้กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ส่วนการลดภาษีสรรพสามิตอยู่ในส่วนของกระทรวงการคลังที่จะดูความเหมาะสม” นายสมภพ กล่าว

สำหรับราคาน้ำมันที่อาจจะเป็นจุดสูงสุดรอบนี้ มีบทวิเคราะห์ที่บาร์เรลละ 115-120 ดอลลาร์ ซึ่งยังมีความผันผวนจึงต้องดูสถานการณ์ใกล้ชิด เพราะมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ทั้งจากปัจจัยดีมานด์และซัพพลาย รวมถึงทิศทางการผลิตน้ำมันของกลุ่มโอเปกพลัส ที่ยังไม่ตอบสนองความต้องการของตลาด รวมทั้งมีเหตุการณ์ไม่สงบระหว่างรัสเซียและยูเครนอีก