วิเคราะห์สถานการณ์ราคาน้ำมัน (4 มี.ค. 65)
ราคาน้ำมันดิบปรับลด หลังการเจรจาข้อตกลงนิวเคลียร์ระหว่างสหรัฐฯ และอิหร่าน มีแนวโน้มไปได้ดี
- ราคาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัสและเบรนท์ปรับลดลง หลังปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องช่วงก่อนหน้า ประกอบกับแนวโน้มการเจรจาข้อตกลงนิวเคลียร์ระหว่างสหรัฐฯ และอิหร่าน มีแนวโน้มไปได้ดี และใกล้บรรลุข้อตกลง ซึ่งตลาดคาดการณ์ว่าจะสามารถส่งผลให้อุปทานการผลิตน้ำมันดิบปรับเพิ่มขึ้นกว่า 1 ล้านบาร์เรลต่อวัน หรือคิดเป็นร้อยละ 1 ของอุปทานน้ำมันดิบทั่วโลก
+ อย่างไรก็ดี ตลาดคาดการณ์ว่า ถึงแม้อุปทานจากอิหร่านจะกลับมาแต่ก็ยังคงไม่เพียงพอ หลังมาตรการคว่ำบาตร การถอนการลงทุน และการระงับธุรกรรมทางการเงินและธนาคาร อาจมีผลกระทบต่อปริมาณการส่งออกน้ำมันดิบของรัสเซียราว 4 ถึง 5 ล้านบาร์เรลต่อวัน จากระดับปกติ ที่รัสเซียมีสัดส่วนประมาณ 8% ของการส่งออกน้ำมันทั่วโลก
+ กลุ่ม OPEC+ ยังมีมติคงการเพิ่มการผลิตน้ำมันดิบตามข้อตกลงเดิม โดยจะเพิ่มกำลังการผลิตที่ 400,000 บาร์เรลต่อวัน ในเดือน เม.ย. 65 ขณะเดียวกันความต้องการใช้น้ำมันทั่วโลกได้แตะระดับก่อนเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 และอุปทานยังคงมีความตึงตัวทั่วโลก
ราคาน้ำมันเบนซิน
ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังอุปทานน้ำมันดิบมีแนวโน้มตึงตัวตามน้ำมันดิบในตลาดที่ยังคงจำกัด ประกอบกับน้ำมันเบนซินคงคลังสหรัฐฯ ที่ปรับตัวลดลงกว่า 0.5 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 246 ล้านบาร์เรล ในสัปดาห์ที่ผ่านมา
ราคาน้ำมันดีเซล
ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังตลาดกังวลอุปทานในประเทศในยุโรปที่อาจตึงตัวจากมาตรการคว่ำบาตรในรัสเซีย ขณะที่ประเทศญี่ปุ่น และเกาหลี เผยเลขส่งออกน้ำมันดีเซลปรับตัวเพิ่มขึ้นในเดือน ม.ค. ที่ผ่านมา