วิเคราะห์สถานการณ์ราคาน้ำมัน (8 มี.ค. 65)
ราคาน้ำมันดิบปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อ หลังสหรัฐและยุโรปพิจารณาสั่งห้ามการนำเข้าน้ำมันจากรัสเซีย
+ ราคาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัสและเบรนท์ปรับเพิ่มขึ้นแตะระดับสูงสุดตั้งแต่ปี 2008 หลังสหรัฐและยุโรปพิจารณาสั่งห้ามการนำเข้าน้ำมันจากรัสเซีย นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า หากการส่งออกน้ำมันดิบจากรัสเซียถูกตัดออกไป จะมีการขาดแคลนน้ำมันสูงถึง 5 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งส่งผลให้ราคาน้ำมันพุ่งสูงถึง 200 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลได้ เนื่องจากรัสเซียเป็นผู้ส่งออกน้ำมันรายใหญ่ของโลก ที่มีปริมาณการส่งออกคิดเป็น 7% ของอุปทานทั่วโลก อย่างไรก็ดี หลายประเทศในยุโรปมีท่าทีไม่เห็นด้วยกับมาตรการดังกล่าว โดยเฉพาะเยอรมนี
- ขณะเดียวกัน นายดมิทรี เปสคอฟ โฆษกรัฐบาลรัสเซีย แถลงว่า พร้อมยุติปฏิบัติการทางทหาร ถ้ายูเครนทำตามข้อตกลงทั้ง 4 ข้อ ซึ่งข้อตกลงนี้ ถูกเปิดเผยช่วงที่รัสเซียและยูเครนได้มีการเจรจากันที่กรุงมินสก์ โดยทางฝั่งยูเครนกล่าวว่า มีการเจรจามีการพัฒนาดีขึ้นเล็กน้อย แต่ยังไม่สามารถบรรลุข้อตกลงที่จะทำให้สถานการณ์ดีขึ้นได้
+/- สหรัฐฯ และเวเนซุเอลาได้หารือถึงความเป็นไปได้ที่จะผ่อนคลายมาตรการคว่ำบาตรน้ำมันต่อเวเนซุเอลา แต่การเจรจานั้นมีความคืบหน้าเพียงเล็กน้อย ขณะเดียวกัน แหล่งน้ำมัน West Qurna 2 ในอิรักจะกลับมาดำเนินการในวันนี้และการผลิตจะค่อยๆเพิ่มขึ้นจนแตะระดับปกติที่ 4 แสนบาร์เรลต่อวัน
ราคาน้ำมันเบนซิน
ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังได้รับแรงหนุนจากการคลายมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในอินโดนีเซียและมาเลเซีย ส่งผลให้ดัชนีการขับขี่ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นในเดือนมี.ค. 65
ราคาน้ำมันดีเซล
ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังได้รับแรงหนุนจากสงครามที่ทวีความรุนแรงขึ้นในยูเครน ซึ่งมีความเป็นไปได้ที่รัฐบาลฝั่งตะวันตกจะสั่งห้ามการนำเข้าน้ำมันจากรัสเซีย อย่างไรก็ดี ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากปริมาณการส่งออกจากจีนที่มีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น