“GGC” เปิด 3 กลยุทธ์หลักวางรากฐานเข้มแข็งสู่ผลิตภัณฑ์เพื่อสิ่งแวดล้อม
“GGC” เดินหน้าขับเคลื่อนองค์กรสู่ 3 กลยุทธ์หลัก หวังสร้างรากฐานที่เข้มแข็ง สร้างความสามารถในการแข่งขันเติบโตในธุรกิจผลิตภัณฑ์เพื่อสิ่งแวดล้อม
นายไพโรจน์ สมุทรธนานนท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โกลบอลกรีนเคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ GGC เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานในปี 2564 ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากปี 2563 คิดเป็น 15% โดยบริษัทฯ มีรายได้จากการขายรวมทั้งหมด 20,923 ล้านบาท มี Adjusted EBITDA จำนวน 1,121 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3% ส่งผลให้ปี 2564 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิจากการดำเนินงานปกติ 774 ล้านบาท โดย GGC ยังคงยึดมั่นในพันธกิจหลักคือ การเป็นบริษัทแกนนำในธุรกิจผลิตภัณฑ์เคมีเพื่อสิ่งแวดล้อม (Green Flagship Company) ของกลุ่ม GC ภายใต้วิสัยทัศน์ “To be a Leading Green Chemicals Company by Creating Sustainable Value” หรือ “เป็นผู้นำผลิตภัณฑ์เคมีเพื่อสิ่งแวดล้อม พร้อมขับเคลื่อนพลังแห่งการสร้างสรรค์เพื่อคุณค่าที่ยั่งยืน”
สำหรับทิศทางการดำเนินงานในปี 2565 บริษัทฯ ยังคงมุ่งมั่นในการสร้างรากฐานที่เข้มแข็ง สร้างความสามารถในการแข่งขันในอนาคต เพื่อก้าวสู่การเติบโตอย่างยั่งยืนในระดับสากล ผ่าน 3 ยุทธศาสตร์สำคัญ คือ 1. ยุทธศาสตร์การยกระดับความสามารถในการแข่งขัน (Strengthen Business as Usual - BAU) เพื่อให้ธุรกิจของบริษัทฯ มีความเข้มแข็งและมีศักยภาพในการแข่งขันในสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่มีความท้าทาย
บริษัทฯ ต้องเร่งการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและมีความยืดหยุ่น (Resilience) และสร้างความได้เปรียบเหนือคู่แข่ง โดยมุ่งเน้นการสร้างฐานตลาดและการขายให้เข้มแข็ง, การบริหารจัดการด้าน Supply Chain ให้มีประสิทธิภาพโดยบริหารจัดการต้นทุนได้ดีที่สุด และมุ่งเน้นการรักษาความมั่นคงด้านการผลิต (Plant Reliability) รวมถึงความเป็นเลิศด้านปฏิบัติการ (Operational Excellence)
2. ยุทธศาสตร์การเติบโตในธุรกิจผลิตภัณฑ์เพื่อสิ่งแวดล้อม (Growth Portfolio) ภายใต้สถานการณ์ทางเศรษฐกิจที่มีความผันผวนและอุตสาหกรรมเชื้อเพลิงชีวภาพที่มีการแข่งขันสูง บริษัทฯ พิจารณาการต่อยอดทางธุรกิจไปสู่ด้านเคมีภัณฑ์และพลาสติกชีวภาพมากขึ้น เพื่อลดแรงกดดันทางธุรกิจและสามารถเพิ่มมูลค่าให้กับผลิตภัณฑ์ปัจจุบันมากขึ้น รวมถึงการตอบรับกับโอกาสทางธุรกิจจากแนวทางและมาตรการด้านสิ่งแวดล้อมในประเทศต่างๆทั่วโลก ซึ่งผลิตภัณฑ์เคมีภัณฑ์ชีวภาพ (Biochemicals) และพลาสติกชีวภาพ (Bioplastics) ยังเป็นหนึ่งในกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่อยู่ในห่วงโซ่อุปทานเกี่ยวเนื่องกับธุรกิจของ GC Group
3. ยุทธศาสตร์การสร้างความยั่งยืนทางธุรกิจ (Sustainability Development) บริษัทฯ เล็งเห็นถึงโอกาสที่จะยกระดับการดำเนินการด้านความยั่งยืนอย่างจริงจังและมีการเชื่อมโยงโอกาสและต่อยอดทางธุรกิจมากขึ้น โดยการเป็นต้นแบบในการพัฒนาเศรษฐกิจแบบองค์รวม ทั้ง 3 มิติ (BCG Role Model)ผ่านการลงทุนในนครสวรรค์ไบโอคอมเพล็กซ์ การใช้พลังงานที่ไม่ทำให้เกิดคาร์บอนไดออกไซด์ (Decarbonization Pathway)และการปรับรูปแบบการดำเนินงานด้านความรับผิดชอบต่อสังคมของบริษัทฯ (CSR) สู่รูปแบบการสร้างสมดุลทางธุรกิจขององค์กรด้วยการพัฒนากิจกรรม/โครงการความรับผิดชอบต่อสังคมอย่างยั่งยืน (CSV & SE Model) โดยใช้ Governance, Risk Management and Compliance (GRC) มาพัฒนาและปรับปรุงกระบวนการจัดการภายใน เพื่อให้บรรลุเป้าหมายองค์กร
ปี 2565 บริษัท มุ่งพัฒนาสร้างรากฐานที่เข้มแข็งและเพิ่มความสามารถในอนาคต ประกอบด้วย ความเป็นเลิศด้านปฏิบัติการ (Operational Excellence) : Plant reliability ให้อยู่ในระดับ 1st quartile, การใช้ Digitalization สนับสนุนการปฏิบัติงานของบริษัทฯ ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น การเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน (Competitiveness) : การรักษาส่วนแบ่งทางการตลาด การต่อยอดผลิตภัณฑ์ไปสู่ผลิตภัณฑ์มูลค่าสูง ผ่านกลุ่มสินค้า Home and personal care การเติบโตในธุรกิจผลิตภัณฑ์เพื่อสิ่งแวดล้อม (Growth Portfolio) : การเพิ่มมูลค่าและเพิ่มตลาดปลายทางให้กับเชื้อเพลิงชีวภาพ, การขยายธุรกิจไปสู่ธุรกิจพลาสติกชีวภาพ (Bioplastics)ที่ใช้วัตถุดิบจากผลิตภัณฑ์เคมีชีวภาพ (Biochemicals), นครสวรรค์ไบโอคอมเพล็กซ์ระยะที่ 2 และการขยายธุรกิจ fatty alcohol ที่มีมูลค่าเพิ่มขึ้น
และการสร้างความยั่งยืนทางธุรกิจ (Sustainability) : การพัฒนา RSPO (RSPO development) บริษัทฯ มีการดำเนินธุรกิจเพื่อสิ่งแวดล้อม ในการสนับสนุนมาตรฐานการผลิตน้ำมันปาล์มอย่างยั่งยืน (Round Table for Sustainable Palm Oil : RSPO) โดยบริษัทฯ มีการวางแผนในการทำงานร่วมกันกับองค์กรความร่วมมือระหว่างประเทศของเยอรมัน (GIZ) เพื่อส่งเสริมให้เกษตรกรรายย่อยได้รับการรับรองมาตรฐานการผลิตน้ำมันปาล์มอย่างยั่งยืน (RSPO)
สำหรับกรณีปัญหาเรื่องวัตถุดิบคงคลังของ GGC ที่เกิดขึ้นเมื่อปี 2561 ซึ่ง GGC ไม่ได้นิ่งนอนใจกับปัญหาที่เกิดขึ้น GGC ได้มีการดำเนินคดีทั้งในด้านอาญาร่วมกับเจ้าหน้าที่ของรัฐ จนทำให้เรื่องเดินหน้าเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม มีการฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายกับคู่ค้าและอดีตผู้บริหาร เพื่อให้มีการชดใช้ความเสียหายให้กับบริษัทฯ และยังสามารถชนะคดีได้ รวมถึงการที่ GGC ยืนยันที่จะต่อสู้คดีแพ่งที่ถูกฟ้องร้องให้ถึงที่สุด เพื่อป้องกันไม่ให้ GGC และผู้ถือหุ้นของเราต้องได้รับผลกระทบเพิ่มเติมจากเหตุการณ์ปัญหาวัตถุดิบดังกล่าว