ไซมิสงัดกลยุทธ์ลดเสี่ยง-เพิ่มรายได้ ตั้งเป้าปี69 รายได้ทะลุ 1.3หมื่นล้าน

นายขจรศิษฐ์ สิ่งสรรเสริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไซมิส แอสเสท จำกัด (มหาชน)  เผยถึงแผนการดำเนินธุรกิจในปี 2565 ว่า  จากบทเรียนการดำเนินธุรกิจที่ผ่านมาบริษัทได้ปรับกลยุทธ์การพัฒนาธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน  โดยผ่าน 4 กลยุทธ์หลัก ซึ่งประกอบด้วย 1. การจัดหาเงินลงทุนด้วยการพัฒนาโครงการที่ตอบสนองกับGreen FinanceหรือGreen Bond ซึ่งเป็นการลงทุนรูปแบบใหม่ สามารถลดต้นทุนทางด้านการเงินของบริษัทได้ 

 2. การปรับสัดส่วนการพัฒนาโครงการเป็นแนวราบมากขึ้นเพื่อรองรับกับความต้องการลูกค้า รวมทั้งลดความเสี่ยงและเพิ่มรายได้  3. มุ่งพัฒนาโครงการในทำเลที่มีศักยภาพ เช่น ถนนสุขุมวิท โดยมีการเก็บอสังหาริมทรัพย์นี้ไว้ และทำการบริหารจัดการ ทำให้เปลี่ยนการรับรู้รายได้จากการขายเป็นการรับรู้รายได้อย่างสม่ำเสมอ (Recurring Income) และ 4. การพัฒนาธุรกิจใหม่เพื่อขยายธุรกิจสู่นิวเอสเคิร์ฟ 

“ บริษัทปีได้ตั้งเป้าหมายเพิ่มสัดส่วนพัฒนาโครงการแนวราบ 50% ของรายได้รวมภายในปี 2567 และคาดว่าจะสามารถสร้างรายได้เพิ่มขึ้นประมาณปีละ 3,000 – 4,000 ล้านบาท พร้อมกับมองหานิวเอสเคิร์ฟ จากธุรกิจใหม่ๆ เช่น ธุรกิจด้านพลังงานสีเขียว ธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับการบริการ ธุรกิจเกี่ยวกับเทคโนโลยีของการพักอาศัย ธุรกิจเกี่ยวกับการบริการผู้สูงอายุ ธุรกิจเกี่ยวกับ Spa & Wellness และธุรกิจการเงินและการลงทุนอีกด้วย คาดว่าจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ ไซมิสสามารถเติบโตได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน” 

นายขจรศิษฐ์ กล่าว  ต่อว่า  บริษัทมีแผนจะเปิดโครงการใหม่ในปีนี้  จำนวน 6 โครงการ มูลค่า 11,621 ล้านบาท ส่วนใหญ่จะเป็นโครงการแนวราบเพราะสามารถรับรู้รายได้เร็ว  โดยโครงการแรก  แลนด์มาร์ค แอท เกษตรศาสตร์ ทุ่งสองห้อง สเตชั่น โครงการที่2  Monsane Exclusive Villa ราชพฤกษ์-ปิ่นเกล้า มูลค่า 1,895 ล้านบาท  จะเปิดตัวเดือนเม.ย. นี้  จำนวน  19 หลัง ราคาเฉลี่ยหลังละ  30 ล้านบาท

3. ไซมิส คิน รามอินทราเฟส2 มูลค่า 232 ล้านบาท 4. ไซมิส ลักชัวรี โฮม @ราชพฤกษ์ 365 มูลค่า 1,964.6 ล้านบาท 5. ไซมิส โฮม  @รังสิต-พหลโยธิน ใกล้กับโรงกษาปณ์ และ 6. ไซมิส ตลิ่งชั่น เป็นโครงการมิกซ์ยูสสำหรับผู้สูงอายุ ใกล้กับศิริราช ซึ่งมีทั้ง โรงพยาบาลเพื่อผู้สูงอายุ มีโรงแรมและคอนโด  เพื่อรองรับต่างชาติที่ต้องการมาเกษียณในไทยทหรือคนไข้ที่มาพักฟื้นศิริราช กรณีที่อาการไม่หนัก แต่ยังอยากพันฟื้นต่อ 

     " ทั้งหมดนี้เป็นการปรับตัวเพื่อรองรับกับภาวะตลาดที่เปลี่ยนแปลงไปหลังจากมีโควิด-19 ในการพัฒนาโครงการที่ตอบโจทย์ลูกค้าและธุรกิจให้สามารถเติบโตไปได้อย่างยั่งยืน โดยคาดการณ์ว่าในปี2569  บริษัทจะมีรายได้รวม 13,305 ล้านบาทมาจากธุรกิจอสังหาฯ 11,228 ล้านบาทและที่เหลือเป็นรายได้ประจำจากธุรกิจอื่นๆอีก 2,077ล้านบาท"

 สำหรับในปี2565 ได้ตั้งเป้าหมายรายได้เติบโตอยู่ที่ 4,500 - 4,900 ล้านบาทจากปีก่อน โดยมีรายได้หลักจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งปัจจุบันมีโครงการที่กำลังดำเนินงานอยู่ (Under Development) จำนวน 4 โครงการ มูลค่า 23,976 ล้านบาท ซึ่งในปีนี้จะมีโครงการที่แล้วเสร็จคือ Landmark @ MRTA Station 

ขณะที่มีโครงการที่ก่อสร้างแล้วเสร็จ จำนวน 8 โครงการ มูลค่า 18,938 ล้านบาท โดยเป็นอสังหาริมทรัพย์เพื่อขายมูลค่า 15,432 ล้านบาทซึ่งมีมูลค่าคงเหลือเป็น Inventory ที่พร้อมขาย เพื่อรับรู้รายได้อีก 5,059 ล้านบาท

ปัจจุบัน บริษัทฯมี Backlog มูลค่ารวม 4,324.20 ล้านบาท  จะรับรู้รายได้ภายในปี 2565-2569 ขณะเดียวกันปีนี้บริษัทได้ขยายโครงการแนวราบ จำนวน 4 โครงการ มูลค่ารวมประมาณ 7,500 ล้านบาท ซึ่งจะสามารถรับรู้รายได้ภายในปี 2565-2570 นี้