หุ้นไทยเปิดเช้าบวก 3.79 จุด บ่ายนี้ ลุ้น กนง.ลดดอกเบี้ย หนุนกลุ่มไฟแนนซ์-โรงไฟฟ้า-การบริโภค

หุ้นไทยเปิดเช้าบวก 3.79 จุด บ่ายนี้ ลุ้น กนง.ลดดอกเบี้ย หนุนกลุ่มไฟแนนซ์-โรงไฟฟ้า-การบริโภค

หุ้นไทยภาคเช้าวันนี้ 30 เม.ย. 68 เปิดตลาดบวก ปรับตัวขึ้น 3.79 จุด หรือ 0.32% หรืออยู่ที่ 1,174.91 จุด นักวิเคราะห์เผย จับตาบายนี้ กนง.คาดลดดอกเบี้ย จาก 2% สู่ระดับ 1.75% ตามแนวโน้มเศรษฐกิจที่โตต่ำกว่าคาด ขณะที่ มูดี้ หั่นเครดิตเรตติ้งไทยสู่'เชิงลบ' คาดแกว่ง Sideways ในกรอบ 1,160-1,180 จุด

ความเคลื่อนไหว "หุ้นไทย" ภาคเช้า ณ 30 เม.ย.2568  ปรับตัวขึ้น 3.79 จุด หรือ 0.32% หรืออยู่ที่ 1,174.91 จุด มูลค่าการซื้อขาย 4,562.41 ล้านบาท

หุ้นไทยเปิดเช้าบวก 3.79 จุด บ่ายนี้ ลุ้น กนง.ลดดอกเบี้ย หนุนกลุ่มไฟแนนซ์-โรงไฟฟ้า-การบริโภค

วีระวัฒน์  วิโรจน์โภคา ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล. ฟินันเซีย ไซรัส เปิดเผยว่า แนวโน้มตลาดวันนี้คาดแกว่ง Sideways ในกรอบ 1,160-1,180 จุด โดยมีปัจจัยลบถ่วงคือ Moody's ที่ปรับลด Outlook ของไทยลงเป็น Negative จากเดิม Stable เนื่องจากความเสี่ยงที่ความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจและการคลังจะอ่อนแอลง โดยเฉพาะจากผลกระทบของภาษีศุลกากรสหรัฐฯ ที่อาจกระทบต่อการส่งออกและการเติบโตของไทย ครั้งล่าสุดที่ถูกปรับ Outook ลงคือ 4 ธ.ค.2008 ช่วยเกิดวิกฤดเศรษฐกิจสหรัฐฯ แต่ตลาดหุ้นไทยไม่ได้ตอบรับเชิงลบ เนื่องจากปรับตัวลงแรงในช่วงก่อนหน้าแล้ว

แต่มีปัจจัยหนุนจากคาดการณ์บ่ายวันนี้ที่ กนง. จะปรับลดดดอกเบี้ยในการประชุมวันนี้ คาดว่า มีโอกาสสูงที่จะเห็นการปรับลดดอกเบี้ยลงจาก 2% สู่ระดับ 1.75% ตามแนวโน้มเศรษฐกิจที่โตต่ำกว่าคาด รวมถึงความเสี่ยงจากสงครามการค้าและภาษีที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะผลกระทบในครึ่งปีหลังของปี 2568 ซึ่งจะกดดันให้ GDP ไทยปีนี้โตต่ำกว่า 2% ทั้งนี้ ยังมองบวกต่อกลุ่ม ไฟแนนซ์ โรงไฟฟ้า สื่อสารฯ และการบริโภค

ขณะที่ พัฒนาการด้านภาษีการค้าสหรัฐฯ ที่ผ่อนคลายลงบ้าง โดยเฉพาะระหว่างสหรัฐฯ กับอินเดีย และญี่ปุ่น ซึ่งคาดว่า อาจบรรลุข้อดกลงทางการค้าในเร็ว ๆ นี้ ล่าสุดทรัมป์ ผ่อนปรนภาษีนำเข้าชิ้นส่วนยานยนต์ แต่ยังไม่มีพัฒนาการเจรจาการค้ากับจีนเพิ่มเดิม ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตามคืนนี้คือตัวเลข GDP ไตรมาส 1/68  เงินเฟ้อ PCE เดือน มี.ค. ของสหรัฐฯ 

นอกจากนี้ยังต้องติดตามการทยอยประกาศกำไรไตรมาส 1/68 ของฝั่ง Real Sector ว่าจะต่ำกว่าคาดและนำไปสู่การปรับลดประมาณการ EPS ของตลาดลงเพิ่มเติมจากปัจจุบันที่อยู่ราว 91 บาทมากน้อยเพียงใด 

ดังนั้นยังคงเน้นลงทุนในกลุ่ม Consumer Staple ที่คาดว่าจะยังเคลื่อนไหวได้แข็งแรงกว่าตลาด ส่วนระยะสั้นเน้นเลือกลงทุนในหุ้นที่คาดกำไรไตรมาส 1/68 แข็งแกร่งและมีแนวโน้มดีต่อในนี้ 

โดยกลยุทธ์ยังเน้น Selective Buy หุ้นที่มีแนวโน้มกำไรไตรมาส 1/68 แลในปีนี้แข็งแกร่งและกระทบจำกัดจากภาษีการค้าสหรัฐฯและเศรษฐกิจชะลอตัว 

บล.ทิสโก้ ระบุว่า การปรับแนวโน้มเครดิตเรตติ้งสู่ ‘เชิงลบ’ นี้ เป็นผลจากแนวโน้มเศรษฐกิจไทยที่โตต่ำจากการฟื้นตัวที่ล่าช้าหลังการระบาดโควิด และถูกซ้ำเติมด้วยการขึ้นภาษีศุลกากรจากสหรัฐฯ ทำให้มีความเสี่ยงทางการคลังเพิ่มขึ้น

ทั้งนี้ นับเป็นการปรับแนวโน้มลงเป็น ‘เชิงลบ’ ครั้งแรกนับตั้งแต่วิกฤติซับไพร์มปี 2008 คาดจะส่งผลเชิงลบต่อตลาดในช่วงสั้น ๆ เล็กน้อย ขณะที่ Moody’s ยังคงเครดิตเรตติ้งของไทยที่ ‘Baa1’ ไม่เปลี่ยนแปลงมาตั้งแต่ปี 2004 สะท้อนภาพรวมสถานะการคลังที่ยังแข็งแกร่งอยู่

อย่างไรก็ดี เป็นสัญญาณเตือนให้รัฐบาลต้องระมัดระวังการบริหารประเทศ โดยเฉพาะการกู้ยืมเงินและการเพิ่มเพดานหนี้ในระยะข้างหน้า ทั้งนี้ เรามอง SET Index ไม่น่าย้อนตัวลงลึก โดยเฉพาะหากประชุม กนง.วันนี้ ลดดอกเบี้ยตามคาด โดยคาดจะหนุนตลาดฟื้นตัวไม่หลุดระดับ 1160 จุด 

สำหรับ ธีมหุ้นเด่นระยะสั้น เก็งงบไตรมาส 1/68 ที่คาดจะออกมาดี ชอบ ADVANC , BDMS , BEM , CPF , CPALL , CPAXT , CRC , NSL , SYNEX รวมถึงหุ้นขนาดใหญ่พื้นฐานดีเป้าหมายเงินกองทุน TESGX – ADVANC , CPALL, GULF , KTB , PTT และ หุ้นที่อ่อนไหวต่อแนวโน้มดอกเบี้ยมีโอกาสปรับลงมากขึ้นในช่วงที่เหลือของปีนี้ กลุ่มไฟแนนซ์และหุ้นปันผล – AEONTS , BAM , MTC , AP , SIRI , SPALI ,EGCO , KTB 

วิจิตร อารยะพิศิษฐ นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐาน บริษัทหลักทรัพย์ ลิเบอเรเตอร์ จำกัด (Liberator) เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นทั่วโลกคาดตอบรับเชิงบวกจากความคืบหน้าการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯกับประเทศต่างๆ เช่น ญี่ปุ่นและอินเดีย ที่น่าดีขึ้น ช่วยหักล้างข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ วานนี้ เช่น ตัวเลขเปิดรับสมัครงาน ที่ต่ำกว่าคาด

ส่วนตัวเลขเศรษฐกิจวันนี้ที่น่าติดตามของทางฝั่งสหรัฐฯ แนะจับตาไตรมาส 1/68 GDP โดยคาดจะหดตัวสู่ระดับ -0.2%q-q จากไตรมาส 4/67 ที่ +2.4%q-q และ US Core PCE เดือนมีนาคม ที่คาดลดลงสู่ระดับ +2.6%y-y จาก +2.8%y-y ในเดือนก่อนหน้า ส่วนด้านยูโรโซน แนะติดตามตัวเลข 1Q25 GDP โดยคาดขยายตัว +1.1%y-y, +0.2%q-q 

ส่วนประเด็นในประเทศวันนี้ ติดตามการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) คาดว่า กนง. มีโอกาสที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทยลง 0.25% สู่ระดับ 1.75% เนื่องจากความเสี่ยงต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมา ทั้งเรื่องประเด็นภาษีการค้า, การชะลอตัวของภาคการบริโภคและการท่องเที่ยวไทย ซึ่งอาจส่งผลให้ GDP ไทยปีนี้มีโอกาสต่ำกว่าที่เคยประเมินไว้ จึงเป็นแรงหนุนให้ กนง. อาจตัดสินใจลดดอกเบี้ยเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม 

ด้านกลยุทธ์การลงทุน หาก กนง. ลดดอกเบี้ยในรอบนี้ จะเป็นแรงหนุน SET มีโอกาสขึ้นทดสอบต้านสำคัญบริเวณ 1200 จุด เน้นสะสมกลุ่มไฟแนนซ์, โรงไฟฟ้า, อิเล็กทรอนิกส์ เด่น แต่ในทางกลับกันหาก กนง. มีมติคงอัตราดอกเบี้ย จะเป็นจิตวิทยาเชิงลบ ซึ่งต้องเพิ่มความระมัดระวังในการลงทุนมากยิ่งขึ้น 

หุ้นแนะนำวันนี้ GPSC คาดกำไรไตรมาส 1/68 ที่ 1,138 ล้านบาท ขยายตัว ทั้ง +32%y-y และ +14%q-q จากค่าใช้จ่ายและต้นทุนการเงินที่ลดลงราคาก๊าซที่ยังคงปรับลดลงต่อเนื่องคาดจะเป็นจิตวิทยาเชิงบวกต่อการลงทุนหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้า การขยายการลงทุนไปยังต่างประเทศ ช่วยลดความเสี่ยงจากประเด็นในประเทศ ราคาเป้าหมาย 35.25 บาท