MAJOR แก้เกมธุรกิจโรงหนังซบ ผนึก 2บจ.ปั้มรายได้โต
“บล.กสิกรไทย” มอง “เมเจอร์” ซื้อหุ้น “เถ้าแก่น้อย-เวิร์คพอยท์” ช่วยเสริมรายได้ ช่องทางจำหน่ายป๊อบคอร์น-คอนเทนท์หนัง ลดผลกระทบรายได้โรงหนังแย่ คาดใช้เงินซื้อหุ้นพิ่มอีก 1-1.2 พันล้าน
บริษัท เมเจอร์ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน) หรือ MAJOR แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประะเทศไทย (ตลท.)ว่า ได้ทยอยซื้อหุ้นบริษัท เวิร์คพอยท์ เอ็นเทอร์เทนเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ WORK รวมเป็น 22 ล้านหุ้น คิดเป็น 5.0049% ที่ช่วงราคา 22.41- 25.75 บาท หรือเฉลี่ย 23.66 บาทต่อหุ้น มูลค่า 522 ล้านบาท และมีแผนเข้าซื้อเพิ่มแต่จะไม่เกิน 10%
จากก่อนหน้าแจ้งเข้าซื้อหุ้น บริษัท เถ้าแก่น้อย ฟู๊ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ TKN จำนวน 69 ล้านหุ้น คิดเป็น 5% ช่วงราคา 7.06-8.26 บาท มูลค่า 570 ล้านบาท คาดจะถือหุ้นใน TKN ไม่เกิน 10% และ
นายพิสุทธิ์ งามวิจิตวงศ์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า มองการเข้าซื้อหุ้น TKN และ WORK เป็นบวกต่อธุรกิจของ MAJOR ในเชิงการซินเนอร์จี้ร่วมกัน
โดยการซื้อหุ้น TKN นั้น เพราะในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 ธุรกิจโรงหนังปิดให้บริการตอนนั้น MAJOR หันมาขายป๊อปคอร์นปรากฎว่าขายดีมากสะท้อนผ่านยอดขายระดับ 500 ล้านบาท ทำให้เห็นช่องทางการสร้างรายได้ดังกล่าว แต่จะให้ลงทุนเองด้วยการสร้างโรงงานต้องใช้เวลานาน จึงตัดสินใจซื้อหุ้น TKN และเป็นพันธมิตรทางธุรกิจร่วมกันดีกว่า และ TKN เป็นบริษัทที่มีการตลาดที่ดีและมีช่องทางจัดจำหน่ายแข็งแกร่ง
ส่วนการลงทุน WORK นั้น MAJOR มีธุรกิจผลิตหนังอยู่แล้ว แต่เป็นคอนเทนท์ของคนเมือง ส่วน WORK ก็เป็นผู้ผลิตคอนเทนท์ที่แข็งแกร่งโดยเฉพาะตลาดต่างจังหวัดการถือหุ้นและร่วมเป็นพันธมิตรกันเพื่อประโยชน์ในการเสริมสร้างการเติบโตของธุรกิจและเป็นการต่อยอดอุตสาหกรรมภาพยนตร์และบันเทิงด้านการผลิตคอนเทนท์มากขึ้น
อย่างไรก็ตามคาดว่า MAJOR จะใช้เงินซื้อหุ้นเพิ่มใน WORK และMAJOR ราว 1,000-1,200 ล้านบาท