ส.อ.ท. เผยยอดผลิตรถยนต์เดือนก.พ. 65 กว่า 1.5 แสนคัน ส่งออก 79,451 คัน

ส.อ.ท. เผยยอดผลิตรถยนต์เดือนก.พ. 65 กว่า 1.5 แสนคัน ส่งออก 79,451 คัน

ส.อ.ท. เผยยอดผลิตรถยนต์เดือนกุมภาพันธ์ 2565 ผลิตรถยนต์ 155,660 คัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.30 ขาย 74,489 คัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 26.3 ส่งออก 79,451 คัน ลดลงร้อยละ 0.02

นายศุภรัตน์ ศิริสุวรรณางกูร ประธานกิตติมศักดิ์กลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) และ นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ รองประธานและโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ร่วมแถลงข่าว เปิดเผยจำนวนการผลิต ยอดขายภายในประเทศ และการส่งออกรถยนต์และรถจักรยานยนต์ของประเทศ ในเดือนก.พ. 2565

ส.อ.ท. เผยยอดผลิตรถยนต์เดือนก.พ. 65 กว่า 1.5 แสนคัน ส่งออก 79,451 คัน ทั้งนี้ จำนวนรถยนต์ทั้งหมดที่ผลิตได้ในเดือนก.พ. 2565 ทั้งสิ้น 155,660 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อน 0.30% และเพิ่มขึ้นจากเดือนม.ค. 2564 ที่ 2.58% เพิ่มขึ้นจากการผลิตรถกระบะขายในประเทศและผลิตส่งออกที่เพิ่มขึ้ 27.82% และ 10.95% ตามลำดับ แต่ยังผลิตรถยนต์นั่งลดลงจากการการขาดแคลนชิปและชิ้นส่วนในบางรุ่น และยังกังวลการขาดแคลนชิปและชิ้นส่วนที่อาจรุนแรงขึ้นจากสงครามยูเครน จึงต้องติดตามอย่างใกล้ชิดต่อไป

สำหรับจำนวนรถยนต์ที่ผลิตได้ในเดือนม.ค.-ก.พ. 2565 รวม 307,407 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อน 1.35% โดยรถยนต์นั่ง เดือนก.พ. 2565 ผลิตได้ 41,898 คัน ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อน 28.64%

ยอดผลิตของรถยนต์นั่ง ตั้งแต่เดือนม.ค.-ก.พ. 2565 มีจำนวน 87,133 คัน เท่ากับ 28.34% ของยอดการผลิตทั้งหมด ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อน 22.43%

รถยนต์โดยสารขนาดต่ำกว่า 10 ตัน และมากกว่า 10 ตัน ขึ้นไป ในเดือนก.พ. 2565 ผลิตได้ 0 คัน รวมเดือนม.ค. - ก.พ. 2565 ผลิตได้ 0 คัน ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อน 100%

รถยนต์บรรทุก เดือนก.พ. 2565 ผลิตได้ทั้งหมด 113,762 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนก.พ. 2564 ที่ 17.91% และตั้งแต่เดือนม.ค.-ก.พ. 2565 ผลิตได้ทั้งสิ้น 220,274 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนม.ค.–ก.พ. 2564 ที่ 15.34%

รถกระบะขนาด 1 ตัน เดือนก.พ. 2565 ผลิตได้ทั้งหมด 110,360 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อน 17.25% และตั้งแต่เดือนม.ค.–ก.พ. 2565 ผลิตได้ทั้งสิ้น 213,668 คัน เท่ากับ 69.51% ของยอดการผลิตทั้งหมด เพิ่มขึ้นจากเดือนม.ค.-ก.พ. 2564 ที่ 14.59 โดยแบ่งเป็น รถกระบะบรรทุก 57,898 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนม.ค.-ก.พ. 2564 ที่ 27.37%

รถกระบะดับเบิลแค็บ 127,812 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนม.ค.-ก.พ. 2564 ที่ 8.69% และรถกระบะ PPV 27,958 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนม.ค.-ก.พ. 2564 ร้อยละ 19.41

รถบรรทุกขนาดต่ำกว่า 5 ตัน - มากกว่า 10 ตัน เดือนก.พ. 2565 ผลิตได้ 3,402 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อน 43.97% รวมเดือนม.ค.- ก.พ. 2565 ผลิตได้ 6,606 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อน 46.47%

รถยนต์ผลิตเพื่อส่งออก

เดือนก.พ. 2565 ผลิตได้ 82,300 คัน เท่ากับ 52.87% ของยอดการผลิตทั้งหมด ลดลงจากเดือนก.พ. 2564 ที่ 6.81% ส่วนเดือนม.ค.-ก.พ. 2565 ผลิตเพื่อส่งออกได้ 159,612 คัน เท่ากับ 51.92% ของยอดการผลิตทั้งหมด ลดลงจากปีก่อนระยะเวลาเดียวกัน 8.33%

ประกอบด้วย รถยนต์นั่ง เดือนก.พ. 2565 ผลิตเพื่อการส่งออก 16,873 คัน ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อน 42.50% และตั้งแต่เดือนม.ค.-ก.พ. 2565 ผลิตเพื่อส่งออกได้ทั้งสิ้น 29,665 คัน เท่ากับ 34.05% ของยอดผลิตรถยนต์นั่ง ซึ่งลดลงจากเดือนม.ค.-ก.พ. 2564 ที่ 49.99%

รถกระบะขนาด 1 ตัน เดือนก.พ. 2565 มียอดการผลิตเพื่อการส่งออก 65,427 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อน 10.95% และตั้งแต่เดือนม.ค.-ก.พ. 2565 ผลิตเพื่อส่งออกได้ทั้งสิ้น 129,947 คัน เท่ากับ 60.82% ของยอดการผลิตรถกระบะ เพิ่มขึ้นจากเดือนม.-ก. 2564 ที่ 13.20% โดยแบ่งเป็น รถกระบะบรรทุก 15,497 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อน 5.85, รถกระบะดับเบิลแค็บ 97,647 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อน 9.76% และรถกระบะ PPV 16,803 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนม.ค.-ก.พ. 2564 ที่ 50.25%

ผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศ

เดือนก.พ. 2565 ผลิตได้ 73,360 คัน เท่ากับ 47.13% ของยอดการผลิตทั้งหมด เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อน 9.68% และเดือนม.ค.- ก.พ. 2564 ผลิตได้ 147,795 คัน เท่ากับ  48.08% ของยอดการผลิตทั้งหมด เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อน 14.39%

รถยนต์นั่ง เดือนก.พ. 2565 ผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศ 25,025 คัน ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อน 14.79% และตั้งแต่เดือนม.-ก.พ. 2564 ผลิตได้ 57,468 คัน เท่ากับ 65.95% ของยอดการผลิตรถยนต์นั่ง โดยเมื่อเปรียบเทียบกับเดือนม.ค.-ก.พ. 2564 แล้ว เพิ่มขึ้น 8.43%

รถกระบะขนาด 1 ตัน เดือนก.พ. 2565 มียอดการผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศ 44,933 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อน 27.82% และตั้งแต่เดือนม.ค.-ก.พ. 2565 ผลิตได้ทั้งสิ้น 83,721 คัน เท่ากับ 39.18% ของยอดการผลิตรถกระบะ แต่ลดลงจากเดือนม.ค.-ก.พ. 2564 ที่ 16.81% ซึ่งแบ่งเป็นรถกระบะบรรทุก 42,401 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนม.ค.-ก.พ. 2564 ที่ 37.60, รถกระบะดับเบิลแค็บ 30,165 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนม.ค.-ก.พ. 2564 ที่ 5.38% และรถกระบะ PPV 11,155 คัน ลดลงจากเดือนม.ค.-ก.พ. 2564 ที่ 8.80%, รถจักรยานยนต์ เดือนก.พ. 2565 ผลิตรถจักรยานยนต์ได้ทั้งสิ้น 197,119 คัน ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อน 9.80% แยกเป็นรถจักรยานยนต์สำเร็จรูป (CBU) 141,596 คัน ลดลงจากปี 2564 ที่ 15.78% และชิ้นส่วนประกอบรถจักรยานยนต์ (CKD) 55,523 คัน แต่เพิ่มขึ้นจากปี 2564 ที่ 10.16%

สำหรับยอดการผลิตรถจักรยานยนต์เดือนม.ค.– ก.พ. 2565 มีจำนวนทั้งสิ้น 408,528 คัน ลดลงจากปี 2564 ที่ 6.84% แยกเป็นรถจักรยานยนต์สำเร็จรูป (CBU) 310,767 คัน ลดลงจากปี 2564 ที่ 6.96% และชิ้นส่วนประกอบรถจักรยานยนต์ (CKD) 97,761 คัน ลดลงจากปี 2564 ที่ 6.45%

ยอดขายรถยนต์ภายในประเทศของเดือนก.พ. 2565 มีจำนวนทั้งสิ้น 74,489 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนม.ค. 2564 ที่ 7.25% เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันในปีก่อน 26.3% เพิ่มขึ้นจากการที่รัฐบาลอนุญาตให้จัดกิจกรรมด้านเศรษฐกิจมากขึ้น การช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากโควิด 19 การรับประกันรายได้เกษตรกร การกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลเช่นคนละครึ่ง เราเที่ยวด้วยกัน ฯลฯ การเปิดประเทศต้อนรับนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศ การส่งเสริมการขายของผู้จำหน่ายรถยนต์ และงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์ โชว์ จะช่วยเพื่มยอดขายรถยนต์ในเดือนมีนาคมและเมษายนโดยเฉพาะรถยนต์ไฟฟ้า

ส่วนรถจักรยานยนต์ มียอดขาย 149,124 คัน ลดลงจากเดือนม.ค. 2564 ที่ 2.78% และลดลงจากเดือนก.พ. 2564 ที่ 14.60%

ตั้งแต่เดือนม.ค.-ก.พ. 2565 รถยนต์มียอดขาย 143,944 คัน เพิ่มขึ้นจากปี 2564 ช่วงเดียวกัน 26.08% ส่วนรถจักรยานยนต์ มียอดขาย 294,219 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนม.–ก.พ. 2564 ที่ 10.70%

การส่งออกรถยนต์สำเร็จรูป เดือนก.พ. 2565 ส่งออกได้ 79,451 คัน ลดลงจากเดือนที่แล้ว 13.77% และลดลงจากเดือนก.พ. 2564 ที่ 0.02% ลดลงจากการชะลอผลิตรถยนต์นั่งบางรุ่นเพราะขาดแคลนชิปและชิ้นส่วน จึงส่งออกลดลงในตลาดเอเชีย ออสเตรเลีย และอเมริกากลางและอเมริกาใต้ แต่ยังคงส่งออกเครื่องยนต์ชิ้นส่วนและอุปกรณ์เพิ่มขึ้นตามการเปิดโรงงานผลิตของประเทศคู่ค้า

โดยมีมูลค่าการส่งออก 45,539.12 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนกุมภาพันธ์ 2564 ที่ 5.70 แบ่งเป็น

•  เครื่องยนต์ มีมูลค่าการส่งออก 3,624.54 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนก.พ. 2564 ที่ 7.15%

•  ชิ้นส่วนรถยนต์อื่นๆ มีมูลค่าการส่งออก 20,397.10 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนก.พ. 2564 ที่ 5.43%

• อะไหล่รถยนต์ มีมูลค่าการส่งออก 1,921.63 ล้านบาท ลดลงจากเดือนก.พ. 2564 ที่ 6.45%

รวมมูลค่าส่งออกรถยนต์เดือนกุมภาพันธ์ 2565 เครื่องยนต์ ชิ้นส่วนรถยนต์ และอะไหล่ มีมูลค่า 71,482.38 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนก.พ. 2564 ที่ 5.33%

เดือนม.ค.–ก.พ. 2565 ส่งออกรถยนต์สำเร็จรูป 149,284 คัน โดยส่งออกลดลงจากปี 2564 ในระยะเวลาเดียวกัน 2.81% มีมูลค่าการส่งออก 88,312.14 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนม.ค.–ก.พ. 2564 ที่ 4.49% โดยมีรายละเอียด ดังนี้

•  เครื่องยนต์ มีมูลค่าการส่งออก 7,566.59 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนม.ค.– ก.พ. 2564 ที่ 21.43

•  ชิ้นส่วนรถยนต์อื่นๆ มีมูลค่าการส่งออก 37,500.63 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนม.ค.–ก.พ. 2564 ที่ 6.32%

•  อะไหล่รถยนต์ มีมูลค่าการส่งออก 4,086.27 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนม.ค.–ก.พ. 2564 ที่ 8.85%

รวมมูลค่าส่งออกรถยนต์เดือนม.ค.– ก.พ. 2565 เครื่องยนต์ ชิ้นส่วนรถยนต์ และอะไหล่ มีมูลค่า 137,465.63 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อน 5.93%

รถจักรยานยนต์เดือนก.พ. 2565 มีจำนวนส่งออก 91,183 คัน (รวม CBU + CKD) โดยเพิ่มขึ้นจากเดือนม.ค. 2565 ที่ 6.19% และเพิ่มขึ้นจากเดือนก.พ. 2564 ที่ 3.59% โดยมีมูลค่า 6,176.52 ล้านบาท ลดลงจากเดือนก.พ. 2564 ที่ 32.31%

•  ชิ้นส่วนรถจักรยานยนต์ มีมูลค่าการส่งออกทั้งสิ้น 129.40 ล้านบาท ลดลงจากเดือนก.พ. 2564 ที่ 48.30%

•  อะไหล่รถจักรยานยนต์ มีมูลค่าการส่งออกทั้งสิ้น 208.07 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนก.พ. 2564 ที่ 7.23%

รวมมูลค่าการส่งออกรถจักรยานยนต์ เดือนก.พ. 2565 ชิ้นส่วนและอะไหล่รถจักรยานยนต์ 6,513.99 ล้านบาท ลดลงจากเดือนก.พ. 2564 ที่ 31.93%

เดือนม.ค.– ก.พ. 2565 รถจักรยานยนต์ มีจำนวนส่งออก 177,047 คัน (รวม CBU + CKD) เพิ่มขึ้นจากปี 2564 ที่ 5.49% โดยมีมูลค่า 12,739.42 ล้านบาท แต่ลดลงจากปี 2564 ที่ 23.54%

•  ชิ้นส่วนรถจักรยานยนต์ มีมูลค่าการส่งออกทั้งสิ้น 272.37 ล้านบาท ลดลงจากปี 2564 ทีี่ 38.79%

•  อะไหล่รถจักรยานยนต์ มีมูลค่าการส่งออกทั้งสิ้น 419.56 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2564 ที่ 14.99%

รวมมูลค่าการส่งออกรถจักรยานยนต์เดือนมก.ค.–ก.พ. 2565 ชิ้นส่วนและอะไหล่รถจักรยานยนต์ มีทั้งสิ้น 13,431.35 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อนช่วงเดียวกัน 23.12%

เดือนก.พ. 2565 รวมมูลค่าการส่งออกรถยนต์สำเร็จรูป เครื่องยนต์ ชิ้นส่วนอื่น ๆ อะไหล่รถยนต์ รถจักรยานยนต์ ชิ้นส่วน และอะไหล่รถจักรยานยนต์ มีทั้งสิ้น 77,996.37 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2564 ที่ 0.73%

เดือนม.ค.–ก.พ. 2565 รวมมูลค่าการส่งออกรถยนต์สำเร็จรูป เครื่องยนต์ ชิ้นส่วนอื่นๆ อะไหล่รถยนต์ รถจักรยานยนต์ ชิ้นส่วน และอะไหล่รถจักรยานยนต์ มีทั้งสิ้น 150,896.98 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2564 ที่ 2.48%

ยานยนต์ไฟฟ้าป้ายแดงประเภท BEV เดือนกุมภาพันธ์ 2565

เดือนก.พ. 2565 มียานยนต์ประเภทไฟฟ้า (BEV) จดทะเบียนใหม่มีจำนวน 873 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนก.พ. 2564 ที่ 137.23 โดยแบ่งเป็น

•  รถยนต์นั่งและรถกระบะมีทั้งสิ้น 342 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนก.พ. 2564 ที่ 155.22% แบ่งเป็น รถยนต์นั่ง 341 คัน, รถกระบะและรถแวน 1 คัน 

•  รถยนต์สามล้อรับจ้างมีทั้งสิ้น 15 คัน ซึ่งเดือนก.พ. 2564 ยังไม่มีการจดทะเบียน แบ่งเป็น รถยนต์รับจ้างสามล้อ 14คัน และรถยนต์สามล้อส่วนบุคคล 1 คัน

•  รถจักรยานยนต์มีทั้งสิ้น  509 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนก.พ. 2564 ที่ 117.52% โดยรถจักรยานยนต์ส่วนบุคคล 509 คัน

เดือนม.ค.-ก.พ. 2565 มียานยนต์ประเภทไฟฟ้า (BEV) จดทะเบียนใหม่สะสม 1,501 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนก.พ.ปีที่แล้ว 102.56% โดยแบ่งเป็น

•  รถยนต์นั่งและรถกระบะมีทั้งสิ้น 606 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนก.พ. 2564 ที่ 108.97% แบ่งเป็น รถยนต์นั่ง 602 คัน, รถกระบะและรถแวน 2 คัน และรถยนต์โดยสารไม่เกิน 7 คน 2 คัน

•  รถยนต์สามล้อรับจ้างมีทั้งสิ้น 34 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนก.พ. 2564 ที่ 25.93% แบ่งเป็นรถยนต์รับจ้างสามล้อ 1 คัน และรถยนต์สามล้อส่วนบุคคล 33 คัน

•  รถจักรยานยนต์มีทั้งสิ้น  854 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนก.พ. 2564 ที่ 101.42% แบ่งเป็นรถจักรยานยนต์ส่วนบุคคล 509 คัน และรถจักรยานยนต์สาธารณะ 1 คัน

ยานยนต์ไฟฟ้าป้ายแดงประเภท HEV เดือนก.พ. 2565

เดือนก.พ. 2565 มียานยนต์ประเภทไฟฟ้า (HEV) จดทะเบียนใหม่มีจำนวน 5,363 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนก.พ.ปีที่แล้ว 35.81% แบ่งเป็น

•  รถยนต์นั่งและรถกระบะมีทั้งสิ้น 5,336 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนก.พ. 2564 ที่ 43.52% แบ่งเป็นรถยนต์นั่ง 5,333 คัน, รถกระบะและรถแวน 0 คัน, รถยนต์โดยสารไม่เกิน 7 คน 2 คัน และรถยนต์บริการธุรกิจ 1 คัน

•  รถจักรยานยนต์มีทั้งสิ้น  27 คัน ลดลงจากเดือนก.พ. 2564 ที่ 88.31 เป็นรถจักรยานยนต์ส่วนบุคคล 27 คัน

เดือนม.ค.-ก.พ. 2565 มียานยนต์ประเภทไฟฟ้า (HEV) จดทะเบียนใหม่สะสม 9,718 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนก.พ.ปีที่แล้ว 16.09% โดยแบ่งเป็น

•  รถยนต์นั่งและรถกระบะมีทั้งสิ้น 9,671 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนก.พ. 2564 ที่ 24.40 แบ่งเป็นรถยนต์นั่ง 9,668 คัน, รถยนต์โดยสารไม่เกิน 7 คน 2 คัน และรถยนต์บริการธุรกิจ 1 คัน

•  รถจักรยานยนต์มีทั้งสิ้น 47 คัน ลดลงจากเดือนก.พ. 2564 ที่ 92.13% เป็นรถจักรยานยนต์ส่วนบุคคล47คัน

ยานยนต์ไฟฟ้าป้ายแดงประเภท PHEV เดือนก.พ. 2565

เดือนก.พ. 2565 มียานยนต์ประเภทไฟฟ้า (PHEV) จดทะเบียนใหม่มีจำนวน 957 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนก.พ.ปีที่แล้ว 50.47% แบ่งเป็น

•  รถยนต์นั่งและรถกระบะมีทั้งสิ้น 957 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนก.พ. 2564 ที่ 50.47% เป็นรถยนต์นั่ง 957 คัน   

เดือนม.ค.- ก.พ. 2565 มียานยนต์ประเภทไฟฟ้า (PHEV) จดทะเบียนใหม่สะสม 1,679 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนก.พ.ปีที่แล้ว 52.64% แบ่งเป็น

•  รถยนต์นั่งและรถกระบะมีทั้งสิ้น 1,679 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนก.พ. 2564 ที่ 52.64% เป็นรถยนต์นั่ง 1,679  คัน

ยานยนต์ไฟฟ้าจดทะเบียนสะสมประเภท BEV ณ วันที่ 28 ก.พ. 2565

ณ วันที่ 28 ก.พ. 2565 ยานยนต์ไฟฟ้าจดทะเบียนสะสมประเภท BEV มีจำนวนทั้งสิ้น 12,869 คัน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 103.11% โดยแบ่งประเภทได้ ดังนี้

รถยนต์นั่งและรถกระบะมีทั้งสิ้น 4,736 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2564 ที่ 91.35%

•  รถยนต์นั่งมีจำนวน 4,598  คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2564 ที่ 95.24%

•  รถกระบะและรถแวนมีจำนวน 33 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2564 ที่ 65%

•  รถยนต์รับจ้างบรรทุกคนโดยสารฯ มีจำนวน 105 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2564 ที่ 5%

• รถยนต์ 3 ล้อมีจำนวนทั้งสิ้น 297 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2564 ที่ 20.24%

•  รถยนต์สามล้อส่วนบุคคลมีจำนวน 34 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2564 ที่ 41.67%

•  รถยนต์รับจ้างสามล้อมีจำนวน 263 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2564 ที่ 17.94%

รถจักรยานยนต์มีจำนวนทั้งสิ้น 7,591 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2564 ที่ 117.32%

•  รถจักรยานยนต์ส่วนบุคคลมีจำนวน 7,517 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2564 ที่ 116.07%

•  รถจักรยานยนต์สาธารณะมีจำนวน  74 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2564 ที่ 428.57%

นอกจากนี้ ยังมีประเภทอื่นๆ อาทิ รถยนต์โดยสารมีจำนวนทั้งสิ้น 245 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2564 ที่ 104.17% 

ยานยนต์ไฟฟ้าจดทะเบียนสะสมประเภท HEV ณ วันที่ 28 ก.พ. 2565

ณ วันที่ 28 ก.พ. 2565 ยานยนต์ไฟฟ้าจดทะเบียนสะสมประเภท HEV มีจำนวนทั้งสิ้น 206,177 คัน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 21.61% โดยแบ่ง

รถยนต์นั่งและรถกระบะมีทั้งสิ้น 197,531 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2564 ที่ 22.12%

•  รถยนต์นั่งมีจำนวน 196,867 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2564 ที่ 22.25%

•  รถกระบะและรถแวนมีจำนวน 1 คัน เท่ากับช่วงเวลาเดียวกันปี 2564

•  รถยนต์รับจ้างบรรทุกคนโดยสารฯ มีจำนวน 564 คัน ลดลงจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2564 ที่ 4.89%

•  รถยนต์บริการธุรกิจ มีจำนวน 25 คัน ลดลงจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2564 ที่ 16.67%

•  รถยนต์บริการทัศนาจร มีจำนวน 71 คัน ลดลงจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2564 ที่ 16.47%

•  รถยนต์บริการให้เช่า มีจำนวน 3 คัน ลดลงจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2564 ที่ 25%

รถจักรยานยนต์มีจำนวนทั้งสิ้น 8,644 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2564 ที่ 11.01

•  รถจักรยานยนต์ส่วนบุคคลมีจำนวน 8,644 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2564 ที่ 11.01

อื่นๆ

•  รถยนต์โดยสารมีจำนวนทั้งสิ้น 1 คัน เท่ากับช่วงเวลาเดียวกันปี 2564

•  รถบรรทุกมีจำนวนทั้งสิ้น 1 คัน เท่ากับช่วงเวลาเดียวกันปี 2564

ยานยนต์ไฟฟ้าจดทะเบียนสะสมประเภท PHEV ณ วันที่ 28 ก.พ. 2565

ณ วันที่ 28 ก.พ. 2565 ยานยนต์ไฟฟ้าจดทะเบียนสะสมประเภท PHEV มีจำนวนทั้งสิ้น 32,817 คัน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 30.17% แบ่งเป็น

รถยนต์มีทั้งสิ้น 32,817 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2564 ที่ 30.17%

•  รถยนต์นั่งมีจำนวน 32,756 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2564 ที่ 30.30%

•  รถยนต์บริการธุรกิจมีจำนวน 40 คัน ลดลงจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2564 ที่ 2.44%

•  รถยนต์บริการทัศนาจรมีจำนวน 20 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2564 ที่ 33.33%

•  รถยนต์บริการให้เช่ามีจำนวน 1 คัน ซึ่งเท่ากับช่วงเวลาเดียวกันปี 2564