ยับยั้งเชื้อ COVID-19 อย่างง่ายดาย ด้วยสเปรย์พ่น NONS
2 ปี ที่เผชิญ COVID-19 ช่วงแรกจำเป็นต้องป้องกันตนเองด้วยมือเปล่า มาตรการที่เข้มงวดทำให้เศรษฐกิจบอบช้ำเป็นวงกว้าง หากต้องอยู่ร่วมกับไวรัสนี้เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ "สเปรย์พ่นจมูก" ที่มีวิธีใช้งานไม่ซับซ้อนแต่มีประสิทธิภาพจะช่วยให้สำเร็จอยู่ร่วมกันเป็นไปได้มากขึ้น
ปัจจุบันนี้ทั่วโลกกำลังปรับตัวอยู่ร่วมกับเชื้อ COVID-19 ด้วยการส่งเสริมให้ใช้ชีวิตใกล้เคียงปกติมากที่สุด เพื่อประคองเศรษฐกิจให้ฟื้นตัวได้ เห็นได้ชัดจากนโยบายการควบคุมโรคระบาดแต่ละประเทศที่มีทิศทางที่ผ่อนคลายในภาพรวม ซึ่งจากข้อมูล COVID-19 Stringency Index หรือดัชนีความเข้มงวดในการควบคุมเชื้อ COVID-19 ที่จัดทำโดยมหาวิทยาลัย Oxford ล่าสุด ณ วันที่ 21 มีนาคม 2022 พบว่า ใน 1 ปีที่ผ่านมา จากการเก็บข้อมูล 185 ประเทศ มีถึง 136 ประเทศ ที่มีความเข้มงวดลดลง แม้มีจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ในปี 2022 เพิ่มขึ้นสูงที่สุดนับตั้งแต่ COVID-19 ระบาดมากว่า 2 ปี เนื่องจากสายพันธุ์ Omicron ที่ติดง่าย แพร่กระจายเร็วกว่าทุกสายพันธุ์ก่อนหน้า
แม้ในปัจจุบันประเด็นการขาดแคลนวัคซีนจะทุเลาลงไป แต่หากพิจารณาสถิติของสายพันธุ์ Omicron จะเห็นว่าประสิทธิภาพของวัคซีนที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบันก็อาจมีประสิทธิภาพในการป้องกันที่ลดลง จนไม่สามารถป้องกันการแพร่ระบาดระลอกนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งการฉีดวัคซีนก็จำเป็นต้องทำโดยเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์เท่านั้น ซึ่งทำให้จำนวนการแจกจ่ายวัคซีนทำได้จำกัด รวมถึงต้องป้องกันการแพร่ระบาดเพื่อลดความเสี่ยงที่เชื้อจะกลายพันธุ์ในอนาคตด้วย ดังนั้น เมื่อหลายประเทศต้องการดำเนินนโยบายในรูปแบบการอยู่ร่วมกับเชื้อไวรัสตัวนี้
การพัฒนาเวชภัณฑ์ทางเลือกที่ช่วยป้องกันการติดเชื้อได้ น่าจะเป็นปัจจัยสำคัญประการหนึ่งที่ช่วยให้ชะลอการเพิ่มขึ้นของจำนวนผู้ติดเชื้อใหม่ เพื่อไม่ให้เป็นภาระของระบบสาธารณสุข ซึ่งเมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา บริษัท SaNOtize ได้ประกาศผลการทดลองยาสเปรย์พ่นจมูกในระยะที่ 3 ว่า สามารถลดการติดเชื้อ COVID-19 ในทางเดินหายใจส่วนบน หรือลดการแพร่กระจายของเชื้อลงสู่ปอดได้ถึง 94% ใน 24 ชั่วโมงแรก และ 99% ใน 48 ชั่วโมง โดยเปรียบเสมือนวัคซีนในปัจจุบันที่ถึงแม้จะไม่ได้เป็นการป้องกันการติดเชื้อ แต่ช่วยให้ผู้ติดเชื้อไม่มีอาการ หรือมีอาการเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ซึ่งตอบโจทย์แนวทางการอยู่ร่วมกันกับเชื้อโรคในระยะข้างหน้าได้ดี
สำหรับยาพ่น SaNOtize เป็นยาพ่นจมูก กลุ่ม Nitric Oxide (NONS) ที่เดิมทีสารดังกล่าวถูกนิยมนำไปใช้เพื่อกระตุ้นการไหลเวียนโลหิต หรือใช้เป็นส่วนหนึ่งในการรักษาเด็กทารกคลอดก่อนกำหนดที่ระบบทางเดินหายใจล้มเหลว สำหรับ SaNOtize เป็น NONS ที่มีเป้าหมายเพื่อลดจำนวนเชื้อ COVID-19 ในทางเดินหายใจส่วนบนตัวแรกที่เริ่มมีการวิจัยตั้งแต่ต้นปี 2020 ที่เกิดการระบาดใหม่ๆ โดยในปัจจุบันแม้จะยังไม่ได้รับการอนุมัติจากองค์การอาหารและยาในสหรัฐอเมริกา
แต่ด้วยผลการวิจัยที่สามารถป้องกันอาการป่วยหนักได้และราคาที่เข้าถึงได้ (ราว 1,400 บาท) ประกอบกับความร่วมมือระหว่าง SaNOtize และ Glenmark บริษัท Biotechnology สัญชาติอินเดีย ทำให้สามารถผลิตและจำหน่ายได้ในโซนเอเชีย เช่น สิงคโปร์ มาเลเซีย ฮ่องกง ไต้หวัน เนปาล บรูไน กัมพูชา ลาว เมียนมา ศรีลังกา ติมอร์เลสเต และเวียดนาม และเนื่องด้วย NONS ได้รับอนุญาตให้สามารถจำหน่ายได้เพราะเป็นเวชภัณฑ์เสี่ยงต่ำในยุโรป ทำให้ NONS จะสามารถจำหน่ายได้ภายใต้แบรนด์ enovid™ หรือ VirX™ ในประเทศอิสราเอล อินโดนิเซีย บาห์เรน และประเทศไทยด้วย
อย่างไรก็ตาม ยา VirX™ ยังไม่ได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยาในประเทศไทยว่า สามารถป้องกันหรือบรรเทาการติดเชื้อ COVID-19 ได้ เนื่องจากการวิจัยระยะที่ 3 จากต่างประเทศเพิ่งประกาศออกมาไม่นาน แต่ไม่ได้หมายความว่า คนไทยจะไม่มีโอกาสเข้าถึง หรือต้องรอลุ้นให้ อย. ไทยอนุมัติยาตัวนี้เพียงตัวเดียว โดย 5 สถาบันการแพทย์ในไทยทั้งภาครัฐและเอกชนอย่าง คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยศิลปากร สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.) องค์การเภสัชกรรม และบริษัท ไฮไบโอไซ จำกัด ได้ทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือพัฒนา “สเปรย์แอนติบอดีพ่นจมูกที่มีคุณสมบัติยับยั้งเชื้อ COVID-19” ซึ่งได้ผ่านการทดสอบเบื้องต้นในสัตว์ทดลองแล้ว และได้ผลเป็นที่น่าพอใจ โดยคาดว่าจะออกสู่ตลาดประมาณไตรมาส 3 ของปี 2565 ซึ่งถือว่าคนไทยจะได้ใช้ในเร็วๆ นี้แล้ว
ระยะเวลากว่า 2 ปี ที่เราเผชิญกับเชื้อไวรัสร้ายตัวนี้ ในช่วงแรกเราจำเป็นต้องป้องกันตนเองด้วยมือเปล่าจากมาตรการควบคุมที่เข้มงวด ทำให้เศรษฐกิจบอบช้ำเป็นวงกว้าง และจนมาถึงปัจจุบันในหลายประเทศยังพบกับอุปสรรคในการฟื้นฟูเศรษฐกิจ เนื่องด้วยต้องคอยควบคุมไม่ให้เชื้อกลับมาระบาดอีกครั้ง หากต้องการดำเนินแผนในการอยู่ร่วมกับเชื้อไวรัสนี้เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ การพึ่งพาวัคซีนเพียงทางเดียวอาจไม่สามารถแก้ปัญหาการระบาดจากสายพันธุ์ใหม่ๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้อีกในอนาคต ดังนั้น การมีนวัตกรรมใหม่ๆ ที่ช่วยควบคุมการระบาดในระยะสั้นได้ เช่น สเปรย์พ่นจมูก ที่มีวิธีการใช้งานไม่ซับซ้อนแต่มีประสิทธิภาพที่ดี จะช่วยให้อัตราความสำเร็จของแผนการอยู่ร่วมกันกับเชื้อไวรัสในอนาคตเป็นไปได้มากขึ้น
หากท่านใดมีข้อข้องใจเกี่ยวกับการวางแผนการเงินของตนเอง สามารถส่งคำถามของท่านมาได้ที่ [email protected] I บทความโดย ศิวกร ทองหล่อ CFP® Wealth Manager ธนาคารทิสโก้