SCGP ปรับราคาขายขึ้นตามต้นทุน (11 เม.ย. 65)
เราคาดกำไรสุทธิ 1Q ที่ 1.7 พันลบ. -19% qoq และ -20% yoy ลดลง qoq เป็นผลจากรายการพิเศษกำไร 1.1 พันลบ. จากการปรับมูลค่าเข้าซื้อ Go-Pak ใน 4Q เรามองบริษัทจะเผชิญความท้าทายทั้งจากเศรษฐกิจทั่วโลกอ่อนแอและต้นทุนพลังงานสูงขึ้น
คงคำแนะนำ ถือ ปรับ TP ลงเป็น 62 บาท (จาก 70 บาทต่อหุ้น)
คาดกำไรจากการดำเนินงานฟื้นตัว qoq แต่กำไรสุทธิอ่อนแอลง qoq
การดำเนินงานของ SCGP จะฟื้นตัว qoq ใน 1Q หนุนจากดีมานด์ในไทยฟื้นตัว (43% ของรายได้), ส่วนต่างกระดาษ testliner ดีขึ้นและการรวม Deltalab เต็มไตรมาส (เข้าซื้อ 9 ธ.ค. 21) ดีมานด์ในเวียดนาม (13% ของรายได้) ยังอ่อนแอจากจำนวนวันหยุดยาวเยอะ, โลว์ซีซั่น, และสถานการณ์แรงงานตึงตัว ดีมานด์ในอินโดฯ (20% ของรายได้) คล้ายในเวียดนาม ราคากระดาษ testliner ฟื้นตัว US$5 qoq เป็น US$535/t ส่วนต้นทุนเยื่อ AOCC ทรงตัว qoq ที่ US$280 ทำให้ส่วนต่างกระดาษ testliner สูงขึ้น +US$5/t เป็น US$255/t ใน 1Q SCGP ใช้เยื่อ AOCC 55% ในประเทศและนำเข้า 45% และใช้กระดาษบรรจุภัณฑ์ 20% ในบริษัทและขาย 80% ให้บริษัทอื่น SCGP จะปรับราคาขายทุกผลิตภัณฑ์โดยเฉลี่ย 6% ต่อไตรมาสเพื่อสะท้อนต้นทุนที่สูงขึ้น SCC ขายไฟเบอร์ใยสั้น 25% ซึ่งราคาขึ้นอย่างรวดเร็วเป็น US$670 จาก US$570 ใน 4Q เราคาดกำไรสุทธิ 1Q ที่ 1.7 พันลบ. -19% qoq และ -20% yoy แต่กำไรจากการดำเนินงานฟื้นตัว 26% qoq หากไม่รวมกำไรพิเศษ 1.1 พันลบ. จากการปรับมูลค่าการเข้าซื้อ Go-Pak ใน 4Q
ปรับราคาขึ้น แต่ยังมีความท้าทายจากเศรษฐกิจทั่วโลกอ่อนแอ
เศรษฐกิจทั่วโลกชะลอเนื่องจากต้นทุนพลังงานสูงขึ้น และกระทบผู้ผลิตบรรจุภัณฑ์บางส่วนในจีนเนื่องจากดีมานด์อ่อนแอลงในภาคอุตสาหกรรม บางผู้ผลิตลดอัตราการผลิตลง SCGP มีรายได้จากจีนเพียง 6% of และยังไม่ได้รับผลกระทบ SCGP จะปรับราคาขายในไตรมาสถัดไปเพื่อสะท้อนต้นทุนพลังงานที่สูงขึ้น โดยต้นทุนพลังงานคิดเป็น 10% ของต้นทุนทั้งหมดและครึ่งหนึ่งมาจากถ่านหิน
คงคำแนะนำ ถือ ปรับ TP ลงเป็น 62 บาท (จาก 70 บาท) จากปรับอัตรากำไรลง
เราปรับอัตรา EBITDA ลง 1.0-1.5ppt ใน FY22-24F เพื่อสะท้อน lag time ในการปรับราคาและต้นทุนพลังงานที่สูงขึ้น ทำให้ DCF TP ลดลงเป็น 62 บาทเทียบเท่า 34.0x/32.7x FY22/23F PE และ 13.3x/13.3x EV/EBITDA ซึ่งอยู่ในระดับสูงเมื่อเทียบกับบริษัทอื่นทั่วโลก