ภาพรวมการลงทุนยังมีแนวโน้มชะลอก่อนเข้าช่วงหยุดยาว

ภาพรวมการลงทุนยังมีแนวโน้มชะลอก่อนเข้าช่วงหยุดยาว

ปริมาณการซื้อขายยังมีแนวโน้มชะลอก่อนหยุดยาว ยังมีแนวโน้มเห็นการขายทำกำไรหรือลดสถานะลงทุนก่อนเข้าช่วงหยุดยาว ขณะที่ภาพรวมการลงทุนมีปัจจัยที่อาจทำให้ตลาดผันผวนในช่วงตลาดหุ้นไทยปิดทำการ

ได้แก่ 1) สถานการณ์รบในยูเครน ที่รัสเซียเองจะมุ่งเน้นการครอบครองพื้นที่ด้านตะวันออกให้ได้อย่างสมบูรณ์ 2) การรายงานตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐฯ มี.ค. ที่ตลาดคาด 8.4% (จากก.พ.ที่ 7.9%) 3) ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ ปรับสูงขึ้นต่อเนื่องกดดันต่อหุ้นในกลุ่มเทคโนโลยี 4) ราคาน้ำมันดิบลดลงหลังตัวเลขส่งออกน้ำมันของรัสเซียไมได้รับผลกระทบจากการคว่ำบาตร และผลของการล็อคดาวน์หลายเมืองใหญ่ในจีน

 

การปรับสัญญาเชื้อเพลิงของกลุ่มโรงไฟฟ้า เป็นบวกกับโรงกลั่น ภาครัฐมีแนวคิดให้กลุ่มไฟฟ้าปรับราคาอ้างอิงพลังงานจากก๊าซ (Pool Gas price) เป็นพลังงานรวม (Energy pool price) ซึ่งจะมีการนำน้ำมันเตาหรือดีเซล มารวมในการคิดต้นทุนการผลิตไฟฟ้า มีผลดังนี่ 1) ไม่กระทบกับผู้ผลิตฟ้าตามสัญญาขายไฟขนาดใหญ่และเล็ก (IPP และ SPP) ที่ทำกับการไฟฟ้าฝ่ายผลิต (EGAT) 2) ในส่วนของโรงไฟฟ้าที่ขายไฟให้กับลูกค้าภาคอุตสาหกรรม ผู้ผลิตต้องรับภาระต้นทุนเชื้อเพลิงที่สูงขึ้นเอง ซึ่งส่งผลลบต่อผู้ที่มีลูกค้าในกลุ่มดังกล่าวมาก ได้แก่ BGRIM และ GPSC ขณะที่ GULF ได้รับผลกระทบน้อยกว่า เนื่องจากมีลูกค่าในส่วนภาคอุตสาหกรรมเพียง 14% 3) กลุ่มโรงกลั่น มีแนวโน้มได้รับผลดีจากการที่โรงไฟฟ้าหันมาใช้ดีเซลและน้ำมันเตาเพิ่มมากขึ้น เพื่อผสม (blended) ต้นทุน โดยอาจทำให้ปริมาณการใช้น้ำมันเตาและดีเซลเพิ่มขึ้นวันละ 15-20 ล้านลิตร จากที่ปัจจุบันมีการใช้น้ำมันทั้ง 2 ชนิดนี้รวมกันประมาณ 70 ล้านลิตร
 

 

 

 

ประเด็นเก็งกำไรอื่น 1) กลุ่มพลังงาน PTTEP, BANPU, TOP (เน้นโรงกลั่น) 2) กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ เป็นกลุ่มที่มักจะเคลื่อนไหวได้ดีในภาวะเงินเฟ้อ อีกทั้ง valuation ต่ำ และปันผลสูง ทำให้มีโอกาสเห็นการฟื้นตัวของ LH, SPALI, AP, SC, ASW 3) ) ขณะที่หุ้นกลาง-เล็กที่สามารถเลือกเก็งกำไร (แบบกำหนดจุดตัดขาดทุน) ในช่วงนี้ ได้แก่ PJW, TTCL, THREL, BLA, IND, MAJOR, WORK, TH, ERW, MINT, CENTEL ,SHR, AAV, SCN, SCI เป็นต้น

ภาพรวมกลยุทธ์: ยังคงมุมมองระมัดระวังสำหรับไตรมาส 2/65 ที่อัพไซต์อาจจะจำกัดจากการดำเนินนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯ และการปรับประมาณการเศรษฐกิจรวมถึงกำไรบจ. ทำให้ภาพรวมจะเป็นการเลือกเก็งกำไรตามแนวรับ ระหว่างรอตลาดและหุ้นรายตัวปรับลงจนถึงจุดซื้อที่ดี // หุ้นแนะนำ:  BDMS*, WHART*, IND*, BAFS*

แนวรับ: 1,668 / แนวต้าน : 1,685-1,692 จุด สัดส่วน : เงินสด 50% : พอร์ตหุ้น 50%

 

 

 

ประเด็นการลงทุน

ธปท.ชี้ระบบการเงินไทย Q1/65 ยังมีเสถียรภาพ – ไตรมาส 1/65 ภาพระบบการเงินไทยยังมีเสถียรภาพ แต่หากปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ระหว่างรัสเซียและยูเครนยืดเยื้อ อาจส่งผลให้ค่าครองชีพและต้นทุนการผลิตปรับเพิ่มขึ้นจนกระทบต่อเสถียรภาพระบบการเงิน ผ่านความสามารถในการชำระหนี้ที่ด้อยลงของภาคครัวเรือนและภาคธุรกิจและการสูญเสียความเชื่อมั่นของนักลงทุน

SPALI – บุกตลาดไตรมาส 2/65 เตรียมเปิดใหม่ 7 โครงการ มูลค่ารวม 9,700 ล้านบาท หลังเห็นสัญญาณตลาดอสังหาฯ ฟื้นตัวต่อเนื่อง ย้ำแผนทั้งปี 65 เปิดใหม่ 34 โครงการ มูลค่า 40,000 ล้านบาท คงเป้ายอดโอนปีนี้ 29,000 ล้านบาท ตุนแบ็กล็อก 27,500 ล้านบาท ทยอยโอนคอนโดฯ เสร็จใหม่ 7 โครงการ มูลค่า 18,000 ล้านบาท

TPCH – เตรียม COD โรงไฟฟ้าประชารัฐชีวมวล แม่ลาน กำลังการผลิตรับซื้อไม่เกิน 2.85 เมกะวัตต์ และโรงไฟฟ้าประชารัฐชีวมวล บันนังสตา กำลังการผลิตรับซื้อไม่เกิน 2.85 เมกะวัตต์ คาดสามารถ COD ได้ภายในไตรมาส 2/65 นอกจากนี้ บริษัทอยู่ระหว่างการศึกษาธุรกิจใหม่ๆ ที่เป็นการต่อยอดจากธุรกิจโรงไฟฟ้า เพิ่มช่องทางสร้างรายได้ให้บริษัทเติบโตได้อย่างมั่นคงในระยะยาว

เดินหน้าเก็บภาษีหุ้น – รมว.คลังมองปี 2565 เป็นช่วงเวลาเหมาะที่จะเริ่มเก็บภาษีการซื้อขายหุ้น (Financial transaction tax) ประเมินรายได้เข้ารัฐกว่า “หมื่นล้าน” โดยจัดเก็บในอัตรา 0.10% ทุกธุรกรรมซื้อขาย

เพิ่มเกณฑ์ดับหุ้นร้อน - ตลท.อยุ่ระหว่างพิจารณาออกมาตรการกำกับการซื้อขายดูแลหุ้นร้อนเพิ่มเติมหลังหุ้นบางตัวถูกมาตรการกำกับระดับ 1-3 แล้วยังมีความร้อนแรง

 

ประเด็นติดตาม: 12 เม.ย. – OPEC Monthly Report, US CPI index เดือน มี.ค. / 14 เม.ย. – US Retail Sales เดือน มี.ค. / 19 เม.ย. – รายงานเศรษฐกิจรายไตรมาส (WEO) ของ IMF

(* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ ซึ่งอาจมีคำแนะนำต่างกับพื้นฐาน หรือที่ไม่ ได้อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH ซึ่งนักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาที่เข้าซื้อ)