เจาะแผน ‘เอสแอนด์พี’ ปีที่ 50 มุ่งสร้างธุรกิจอาหารโตแกร่ง

Key Points

• ถอดวิธีคิด เอสแอนด์พี สร้างแบรนด์ไทยสู่ท็อปในใจลูกค้า
• เจาะแผนการขยายธุรกิจในปี 2566
• ก้าวสู่ปีที่ 50 ปีจัดแคมเปญใหญ่ ส่ง 50 เมนูซิกเนเจอร์รุกตลาด
• จัดแข่งขันปรุงอาหารไทยร่วมสมัยครั้งแรก ร่วมสร้างเชฟรุ่นใหม่ ติดปีกซอฟต์พาวเวอร์อาหารไทยไปทั่วโลก

เจาะธุรกิจแบรนด์ร้านอาหารและเบเกอรี่ "เอสแอนด์พี" (S&P) สามารถสร้างธุรกิจอาหารไทยและเบเกอรี่ ขยายตัวได้อย่างแข็งแกร่ง ท่ามกลางตลาดร้านอาหารในประเทศที่แข่งขันรุนแรงมาตลอด ทั้งจากทุนไทยและทุนจากต่างชาติที่เข้ามาสยายปีกต่อเนื่อง

 

 

 

 

 

เส้นทาง 50 ปีของเอสแอนด์พี ได้เริ่มสร้างธุรกิจตั้งแต่ช่วง 14 ต.ค.2516 จากการเปิดร้านไอศกรีมเล็กๆ และของว่าง ในซอยสุขุมวิท 23 ผ่านไปสู่ปีที่ 4 ได้ขยายไปสู่การทำเบเกอรี่ และเมื่อเปิดครบ 7 ปีจึงเกิดสาขาแรกที่สยามสแคร์ และมีการขยายสาขาต่อเนื่อง จนในปัจจุบันมี สาขาเปิดให้บริการรวมกว่า 400 สาขาในไทย แบ่งเป็น ไทย เปิดร้านอาหารรวม 165 สาขา และเบเกอรี่ 268 ชอป ส่วนต่างประเทศ เปิดร้านอาหาร เอสแอนด์พี ที่กัมพูชารวม 5 สาขา

นายอรรถ ประคุณหังสิต ประธานเจ้าหน้าที่สายปฏิบัติการธุรกิจ S&P บริษัท เอส แอนด์ พี ซินดิเคท จำกัด (มหาชน) ผู้นำธุรกิจร้าน เอสแอนด์พี (S&P) กล่าวว่า ภาพรวมธุรกิจร้านอาหารในประเทศไทย ยังเป็นตลาดเรดโอเชียน ที่มีการแข่งขันรุนแรงมาตลอด โดยเฉพาะการมีแบรนด์ใหม่ๆ เข้ามาเปิด แต่เอสแอนด์พียังสามารถสร้างธุรกิจร้านอาหารขยายตัวต่อเนื่อง และเป็นผู้นำในตลาดร้านอาหารของไทย

 

อรรถ ประคุณหังสิต ประธานเจ้าหน้าที่สายปฏิบัติการธุรกิจ S&P บริษัท เอส แอนด์ พี ซินดิเคท

ปัจจัยที่ทำให้แบรนด์ เอสแอนด์พี สามารถแข่งขันในตลาด มาจากหลายด้านทั้ง 1. การนำเสนอคุณภาพของอาหาร การเลือกใช้วัตถุดิบที่มีมาตรฐาน มีความสะอาดและความปลอดภัยสู่ลูกค้า 2. การมุ่งสร้างคุณค่าให้แก่ลูกค้า ผู้ถือหุ้น พนักงาน สังคม ชุมชนมาโดยตลอด 3. รวมถึงการให้ความสำคัญกับธรรมภิบาลในการดำเนินธุรกิจ เพื่อสร้างความโปร่งใสให้แก่ทุกคน

ส่วนกลุ่มเป้าหมาย บริษัทจะเน้นเจาะกลุ่มลูกค้าครอบครัว คนทำงาน รวมถึงวางกลยุทธ์แบรนด์อยู่ในตลาด พรีเมี่ยมแมส (Premium mass)

อีกทั้ง เอสแอนด์พี มุ่งนำเสนออาหารไทยร่วมสมัย และมีเมนูอาหารไทยยอดนิยมมากมาย รวมถึงไม่หยุดนิ่งสร้างสรรค์สิ่งใหม่สู่ตลาด ทั้งเมนูใหม่ๆ การขยายไปเปิดร้านอาหารในช่วงเช้าและนำเสนอเมนูอาหารเช้า อย่างทำเลย่านโรงพยาบาลและสำนักงาน เพื่อรองรับกลุ่มลูกค้าที่จะเข้ามาใช้บริการในเวลาดังกล่าว

เบื้องหลังจัดโปรโมชั่นวันพุธ อยากร่วมขอบคุณลูกค้า

ตลอดไปถึงนำเสนอเมนูอาหารตามเทศกาลสำคัญเป็นประจำทุกปี และสร้างผลตอบรับที่ดีต่อเนื่อง เช่น เทศกาลที่กำลังมาถึงอย่างวันแม่ จะมีเค้กวันแม่ เทศกาลวันไหว้พระจันทร์ จะมีขนมไหว้พระจันทร์ เป็นต้น สามารถสร้างยอดขายเติบโตดี โดยเฉพาะเทศกาลไหว้พระจันทร์ สร้างยอดขายเพิ่มขึ้น 10 เท่าจากปกติ อีกทั้งการจัดโปรโมชั่น จัดลดราคาพิเศษ 20% ทุกวันพุธ เป็นหนึ่งในโปรโมชั่นที่ทำมาต่อเนื่อง และสร้างยอดขายในทุกเดือนเติบโตขึ้น 15-20%

“การจัดโปรโมชั่นลดราคาพิเศษทุกวันพุธ ได้เกิดขึ้นมาช่วงประมาณปี 2540 ที่เกิดวิกฤตเศรษฐกิจครั้งใหญ่ในประเทศไทย มีผลกระทบต่อทุกคน โดยทางทีมผู้บริหารในช่วงดังกล่าว ได้จัดโปรโมชั่นขึ้นเพื่อแทนคำขอบคุณให้แก่ลูกค้าที่เข้ามาเลือกซื้อสินค้า และทำต่อเนื่องยาวนานร่วมกว่า 20 ปีแล้ว”

เจาะแผนในครึ่งปีหลัง 2566 

ภาพรวมธุรกิจเอสแอนด์พีในช่วงครึ่งปีแรก สามารถสร้างการเติบโตได้ 15% โดยกำลังซื้อเริ่มกลับมาใกล้เคียงกับช่วงก่อนปีที่เกิดโควิด และตามแผนของบริษัทจะเปิดสาขาใหม่ในปีนี้รวม 30 สาขา เน้นสาขาแบบชอป ที่เป็นเบเกอรี่ ส่วนช่วงครึ่งปีแรกได้เปิดไปแล้ว 10 สาขาที่เป็นร้านเบเกอรี่ ทำให้ในครึ่งปีหลังจะปรับมาเปิดสาขาที่เป็นร้านอาหารประมาณ 5 สาขา เนื่องจาก พื้นที่เหมาะกับการเปิดร้านอาหารมากที่สุด ส่วนการเปิดเบเกอรี่ จะเปิดเพิ่มประมาณ 15 ชอป 

พร้อมกับมีแผนรีโนเวทร้านอาหาร เอสแอนด์พี จำนวน 35 ร้าน ให้มีความร่วมสมัยมากขึ้น คาดว่าจะใช้งบลงทุนทั้งการปรับเปิดสาขาใหม่ และการรีโนเวทรวมประมาณ 100 ล้านบาท โดยสาขาของร้านอาหารส่วนใหญ่ มีขนาดประมาณ 150-200 ตร.ม. มีจำนวนที่นั่งรวม 45-50 ที่นั่ง 

ส่วนเมนูใหม่ๆ ในร้าน จะขยายเพิ่มกลุ่มขนมปังและเบเกอรี่ที่เป็นธัญพืช และเน้นเป็นประโยชน์ต่อสุขภาพมากขึ้น เนื่องจากสินค้ากลุ่มนี้จะได้รับความสนใจจากกลุ่มลูกค้าเพิ่มขึ้น

สำหรับเป้าหมายยอดขายรวมของบริษัทในปี 2566 ยังประเมินว่า จะอยู่ที่ 6,000 ล้านบาท เติบโต 15% จากปีก่อน 

ส่วนปัจจัยที่บริษัทต้องติดตามใกล้ชิดจะเป็นเรื่องวัตถุดิบที่ปรับเพิ่มขึ้นมากตั้งแต่ปีก่อน ทั้งกลุ่มวัตถุดิบเบเกอรี่ เช่น เนย ขึ้นราคามาแล้ว 20-30% และ กลุ่มวัตถุดิบร้านอาหาร อย่างปลาแซลมอล และเนื้อหมู เป็นต้น ทำให้บริษัทมีการปรับขึ้นราคาสินค้าประมาณ 5-10% ในปีก่อน แต่ในปี 2566 นี้ยังไม่มีแผนปรับขึ้นราคาสินค้า อีกทั้ง บริษัทได้มุ่งบริหารจัดการต้นทุนภายใน ทั้งการลงทุนติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ เพื่อร่วมลดต้นทุนในการบริหารจัดการอีกทาง

ภัทรา ศิลาอ่อน ประธานกรรมการ บริษัท เอส แอนด์ พี ซินดิเคท

ฉลองครบ 50 ปีส่ง 50เมนูซิกเนเจอร์รุกตลาด

นางภัทรา ศิลาอ่อน ประธานกรรมการ บริษัท เอส แอนด์ พี ซินดิเคท จำกัด (มหาชน) ผู้นำธุรกิจร้านอาหารไทย กล่าวว่า เอสแอนด์พี ได้ครบรอบ 50 ปีในการดำเนินธุรกิจร้านอาหารและเบเกอรี่ในไทย โดยบริษัทมีความมุ่งมั่นจากการขยายธุรกิจมาต่อเนื่อง ทำให้ในปัจจุบันได้สาขาเปิดในไทยและต่างประเทศรวมกว่า 400 สาขา

ทั้งนี้จากการครบรอบดำเนินธุรกิจของ เอสแอนด์พี มาครบรอบ 50 ปี จึงจะจัดกิจกรรมเฉลิมฉลองครั้งใหญ่ ทั้งจัดแคมเปญพิเศษ พร้อมร่วมนำเสนอเมนูอาหารซิกเนเจอร์ และเมนูใหม่ รวม 50 เมนู ยกตัวอย่าง ข้าวไก่อบ S&P ที่ขายดีมานานกว่า 50 ปี ข้าวคลุกกะปิ ข้าวแช่ ข้าวผัดอเมริกัน เป็นต้น 

จัดประกวดปรุงอาหารไทยร่วมสมัยระดับประเทศครั้งแรก 

ขณะเดียวกันได้ร่วมจัดการแข่งการปรุงอาหารไทยร่วมสมัยระดับประเทศ ในปี 2566 จัดขึ้นเป็นครั้งแรก เพื่อร่วมตอกย้ำกับแบรนด์เอสแอนด์พีที่เป็นผู้นำในธุรกิจร้านอาหารไทยมายาวนาน ตลอดจนการร่วมยกระดับและพัฒนาทักษะบุคลากรที่ประกอบด้านธุรกิจ ร่วมยกระดับอาหารไทยสู่สากล

“ภาพรวมอาหารไทยได้รับความนิยมในทั่วโลก และมีร้านอาหารที่ได้รับการจัดอันดับต้นในโลก ซึ่งเมนูอาหารไทยที่ได้รับความนิยมมาตลอด ทั้งต้มยำกุ้ง แกงมั่สมั่น ข้าวซอย เป็นต้น ทำให้ เอสแอนด์พีได้ร่วมจัดกิจกรรมค้นหาสุดยอดนักปรุงอาหารไทยร่วมสมัย เพื่อร่วมสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่อาหารไทย”

รูปแบบการจัดแข่งขันจะในรอบแรก จะเปิดรับทางออนไลน์ โดยจะคัดเลือกผู้สมัครจาก 4 ภาคทั่วประเทศไทย เพื่อหาตัวแทน ภาคละ 5 คนรวมเป็น 20 คน หลังจากนั้นจะคัดเลือกสู่รอบชิงชนะเลิศรวม 10 คน จัดขึ้นในวันที่ 21 ส.ค.นี้ พร้อมได้เชิญ เชฟสมศักดิ์ รารองคำ นายกสมาคมเชฟแห่งประเทศไทย ร่วมเป็นคณะกรรมการกิตติมศักดิ์ พร้อมด้วย ผู้บริหารและผู้เชี่ยวชาญด้านอาหารจาก เอส แอนด์ พี มาร่วมเป็นคณะกรรมการตัดสิน 

สำหรับการแข่งขันครั้งนี้ จะชิงรางวัลรวมมูลค่า 180,000 บาท โดยได้เปิดรับสมัคร ตั้งแต่วันนี้จนถึง 23 ก.ค.นี้ ซึ่งสามารถสอบถามข้อมูลได้ที่ https://www.facebook.com/snpfood