‘มหาสงกรานต์ 2567’ ททท. จ่อถกข้อสรุปรูปแบบจัดงาน ร่วมกับ วธ.-มท. สัปดาห์หน้า
‘ฐาปนีย์’ เผยสัปดาห์หน้า ททท. เตรียมถกข้อสรุปรูปแบบและพื้นที่จัดงาน ‘มหาสงกรานต์ 2567’ ร่วมกับ วธ. - มท. - เอกชน ตั้งเป้าสร้างรายได้สะพัดสูงกว่าสงกรานต์ปี 62 ก่อนโควิดระบาด พร้อมคาดการณ์ ‘นักท่องเที่ยวต่างชาติ’ ตลอดปี 67 ไปถึง 36.5 ล้านคน สูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ 35 ล้านคน
นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า สัปดาห์หน้าจะมีการประชุมเตรียมความพร้อมงานเย็นทั่วหล้ามหาสงกรานต์ ระหว่าง ททท. กับกระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) กระทรวงมหาดไทย (มท.) ภาคเอกชน และหน่วยงานอื่นๆ เพื่อสรุปรูปแบบการจัดกิจกรรม พื้นที่จัดงาน และแต่ละหน่วยงานจะใช้งบประมาณในการจัดงานเท่าไร นับเป็นมหาสงกรานต์แห่งความร่วมมือ เป้าหมายคือการสร้างรายได้สะพัดในช่วงเทศกาลสงกรานต์ปี 2567 ให้มากกว่าเมื่อปี 2562 ก่อนโควิด-19 ระบาด
สำหรับพื้นที่ไฮไลต์จัดงานมหาสงกรานต์ 2567 ในกรุงเทพฯ เบื้องต้นยังคงแผนจัดงานที่ถนนราชดำเนิน รวมถึงสถานที่ยอดนิยมของนักท่องเที่ยว เช่น สยามสแควร์ ไอคอนสยาม เอเชียทีค และวัดวาอารามริมน้ำเจ้าพระยา ส่วนต่างจังหวัด เช่น เชียงใหม่ และหาดใหญ่ ด้วยรูปแบบการจัดงาน มิดไนต์ สงกรานต์ จะช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยวชาวมาเลเซียเข้ามาเที่ยวไทยมากขึ้น โดยทาง วธ.จะเข้าไปส่งเสริมสนับสนุนการจัดงานมหาสงกรานต์ใน 76 จังหวัดและกรุงเทพฯ 50 เขต
“การจัดงานมหาสงกรานต์แห่งความร่วมมือในปีนี้จะตอบโจทย์เรื่องยูเนสโก (UNESCO) ขึ้นทะเบียนประเพณีสงกรานต์ในประเทศไทย เป็นมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม รายการตัวแทนมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติ เมื่อเดือน ธ.ค. 2566 เรามองจุดนี้เป็นจุดสำคัญที่สุด เพื่อยกระดับเทศกาลสงกรานต์เป็นทรัพย์สินทางปัญญา (Intellectual Property : IP) ด้านเฟสติวัลของประเทศไทย ถ้าคิดถึงงานปีใหม่ไทย คิดถึงการละเล่นสาดน้ำ (Water Splash) ต้องคิดถึงงานสงกรานต์ในประเทศไทย”
นางสาวฐาปนีย์ กล่าวว่า งานมหาสงกรานต์ถือเป็นอีเวนต์ใหญ่ของภาคการท่องเที่ยวไทยต่อจากเทศกาลตรุษจีนในปี 2567 ซึ่งประเมินว่าจะมีนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้าประเทศไทยเกิน 177,000 คนตามที่ ททท.คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ เนื่องจากสถิตินักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้าไทยเมื่อวันที่ 5 ก.พ. เดินทางเข้ามากว่า 28,000 คน ใกล้เคียงกับสถิติสูงสุดเมื่อปี 2562 ก่อนโควิด-19 ระบาด ถ้าได้กระแสการเดินทางของชาวจีนเฉลี่ยมากกว่า 21,000 คนต่อวันอย่างต่อเนื่อง ก็น่าจะทำให้จำนวนรวมนักท่องเที่ยวจีนมาไทยปี 2567 เป็นไปตามเป้าหมาย 8 ล้านคน
“หากเรารักษาแรงส่งหรือโมเมนตัมของนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าไทยให้ได้ 100,000 คนต่อวัน คาดว่าเมื่อถึงสิ้นปี 2567 จะมีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติไปถึง 36.5 ล้านคน มากกว่าเป้าหมาย ททท.ตั้งไว้ที่ 35 ล้านคน”
สำหรับช่วงโลว์ซีซันในไตรมาส 2-3 แม้ทางผู้ประกอบการท่องเที่ยวจะกังวลว่านักท่องเที่ยวต่างชาติจะลดลงตามฤดูกาลท่องเที่ยว แต่ ททท.ยังคงรุกจัดกิจกรรมการท่องเที่ยวอย่างต่อเนื่องเพื่อให้ประเทศไทยเป็นเดสติเนชันที่เที่ยวได้ตลอดทั้งปีและทุกจังหวัด ทั้งงานประเพณีและเฟสติวัล เพื่อส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางความบันเทิง (Entertainment Hub) และการท่องเที่ยวเชิงกีฬา (Sport Tourism)
“ทางนายกฯ เศรษฐา ทวีสิน เตรียมผลักดันประเทศไทยเป็นศูนย์กลางทางการบิน (Aviation Hub) ยกระดับสนามบินในประเทศไทย ถ้าเราเป็นฮับการบินได้ ภาคการท่องเที่ยวก็จะได้ทั้งขึ้นทั้งล่อง”
การฟื้นตัวของตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติในปัจจุบัน ช่วยสร้างบรรยากาศการท่องเที่ยวและจับจ่ายแก่ตลาดท่องเที่ยวภายในประเทศ และด้วยสภาวะเศรษฐกิจยังไม่เลวร้ายอย่างที่คิด ทำให้คนไทยยังคงเดินทางท่องเที่ยว แต่มีการปรับพฤติกรรมเลือกเดินทางระยะสั้น และขับรถเที่ยวมากขึ้น ทั้งภาครัฐและผู้ประกอบการในแต่ละจังหวัดจึงจำเป็นต้องเตรียมความพร้อมในการรองรับนักท่องเที่ยวคนไทยด้วย
“เทรนด์ของสถานประกอบการด้านการท่องเที่ยวตอนนี้ เริ่มนำแนวคิดมิกซ์ยูส (Mix-use) เข้ามาใช้มากขึ้น เช่น โรงแรมจัดสรรพื้นที่ส่วนหนึ่งสำหรับเป็นโค-เวิรกกิ้งสเปซ หรือร้านอาหารสำหรับดิลิเวอรี หรือเปลี่ยนโรงยิมเป็นค่ายมวยสำหรับคนรักมวยไทย (Muay Thai Lover) รวมถึงการสร้างเอกลักษณ์ (Uniqueness) ถ้าสร้างได้จะดึงดูดคอนเทนต์ครีเอเตอร์เข้ามาช่วยโปรโมตได้เป็นอย่างดี”