คนรุ่นใหม่ดื่มเบียร์น้อยลง ‘Asahi’ เตรียมดันเครื่องดื่ม ‘ไร้แอลกอฮอล์’ แทน

คนรุ่นใหม่ดื่มเบียร์น้อยลง ‘Asahi’  เตรียมดันเครื่องดื่ม ‘ไร้แอลกอฮอล์’ แทน

เพราะคนรุ่นใหม่รักสุขภาพมากขึ้น “Asahi” ยักษ์น้ำเมาแดนอาทิตย์อุทัย ปักหมุดภายในปี 2040 เครื่องดื่มไร้แอลกอฮอล์ต้องเป็น “สินค้าเรือธง” สร้างรายได้ 50% ของทั้งบริษัท หลังพบพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยน คนญี่ปุ่นดื่มเบียร์น้อยลง

เหมือนจะเป็นเรื่องดีสำหรับผู้บริโภค แต่ไม่ใช่กับภาพรวมอุตสาหกรรมน้ำเมา เป็นเวลาต่อเนื่องติดต่อกันมานานแล้ว ที่ความนิยมในการสังสรรค์ดื่มแอลกอฮอล์ของคนญี่ปุ่นลดน้อยถอยลงเรื่อยๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งตั้งแต่ช่วงวิกฤติแพร่ระบาดใหญ่ที่ต้องมีการเว้นระยะห่างทางสังคม กระทั่งถึงปัจจุบันก็ยังพบว่า อัตราความนิยมในการดื่มแอลกอฮอล์ลดลงอย่างต่อเนื่องด้วย

นี่จึงเป็นโอกาสอันดีสำหรับ “อาซาฮี” (Asahi) ผู้ผลิตเบียร์รายใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น ที่ล่าสุด “อัตสึชิ คัตสึกิ” (Atsushi Katsuki) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร “อาซาฮี กรุ๊ป โฮลดิ้งส์” (Asahi Group Holdings) ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวไฟแนนเชียล ไทม์ (Financial Times) ถึงทิศทางการดำเนินงานของบริษัทหลังจากนี้ว่า อาซาฮีตั้งเป้าผลิตเครื่องดื่มไร้แอลกอฮอล์ และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ต่ำมากขึ้น คิดเป็นสัดส่วนมากถึง 50% ของสินค้าทั้งหมด คาดการณ์ว่า จะทำตามแผนได้ภายในปี 2040

“คัตสึกิ” ระบุว่า ขณะนี้เป็นโอกาสสำหรับอาซาฮีที่จะก้าวไปสู่เส้นทางที่มีความพรีเมียมมากขึ้น บริษัทกำลังวางแผนที่จะขยายฐานสินค้ากลุ่มเครื่องดื่มไร้แอลกอฮอล์ไปยังสหรัฐ ซึ่งเป็นหนึ่งในตลาดเครื่องดื่มที่ใหญ่ที่สุดในโลก มองว่า แบรนด์มีความได้เปรียบจากจำนวน SKU ที่ไม่ได้มีเพียงเหล้า-เบียร์ แต่ยังมีเครื่องดื่ม “นอนแอล” อย่างน้ำอัดลมเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว

เทรนด์เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพไม่ได้เกิดขึ้นกับอาซาฮีเพียงรายเดียวเท่านั้น แต่ยังพบว่า ผู้เล่นระดับโลก ทั้ง “ไฮเนเก้น” (Heineken) “บัดไวเซอร์” (Budweiser) และ “กินเนสส์” (Guinness) กำลังแข่งขันในสมรภูมิดังกล่าวเช่นเดียวกัน โดยมีกลุ่มผู้บริโภคอายุน้อยที่ใส่ใจสุขภาพเป็นเป้าหมายหลัก กระแสนิยมที่เปลี่ยนไป ทำให้ผู้บริโภคดื่มแอลกอฮอล์น้อยลงแต่มีความพรีเมียมมากขึ้น หรือบางรายก็ขอดื่มเวอร์ชันที่ไม่มีแอลกอฮอล์ หรือแอลกอฮอล์ต่ำจะดีกว่า

นอกจากเรื่องเทรนด์แล้ว ไฟแนนเชียล ไทม์ คาดการณ์ว่า อีกเหตุผลสำคัญที่ทำให้ยักษ์น้ำเมาเหล่านี้หันมาตีตลาดเครื่องดื่มไร้แอลกอฮอล์มากขึ้น เป็นผลพวงมาจากอัตรากำไรที่พบว่า เครื่องดื่มไร้แอลกอฮอล์ทำเงินได้ดีกว่าเหล้าเบียร์ เนื่องจากสินค้าเหล่านี้ไม่ต้องเสียภาษีมากเท่าแอลกอฮอล์นั่นเอง 

อย่างไรก็ดี “คัตสึกิ” ระบุเพิ่มเติมว่า หลังจากนี้อาซาฮีจะมีการลงทุนในบริษัทสตาร์ทอัพมากขึ้น เพื่อใช้เทคโนโลยีในการเพิ่มกำลังการผลิตเครื่องดื่มไร้แอลกอฮอล์ และเครื่องดื่มที่มีเปอร์เซ็นต์แอลกอฮอล์ต่ำ ตั้งเป้าสหรัฐเป็นตลาดที่อาซาฮีเตรียมลุยเต็มกำลังหลังจากนี้ “ตลาดสหรัฐเป็นตลาดที่ดีที่สุดและใหญ่ที่สุดสำหรับเรา และยังเป็น “Missing piece” สำหรับเราด้วย” คัตสึกิ กล่าว

สำหรับตลาดในประเทศพบว่า การบริโภคเบียร์ลดลงต่อเนื่องมานานกว่า 20 ปีแล้ว ขณะที่รัฐบาลก็มีความเข้มงวดต่อการวางแนวทางการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในประเทศ เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2567 ที่ผ่านมา พบว่า รัฐบาลได้ออกประกาศแนวทางปฏิบัติฉบับแรกเกี่ยวกับการดื่มแอลกอฮอล์ให้ประชาชนรับทราบด้วย

ด้านนักวิเคราะห์จาก “Daiwa Securities Group” มองว่า เป้าหมายของกลุ่มอาซาฮีหลังจากนี้ คือการสร้างเม็ดเงินจากสองส่วนเป็นหลัก คือสินค้ากลุ่มเครื่องดื่มพรีเมียม และเครื่องดื่มไร้แอลกอฮอล์ที่มีอัตรากำไรสูงกว่า เตรียมพร้อมสำหรับการเดินเกมที่เข้มข้นขึ้นในอนาคต

 

อ้างอิง: Financial Times