‘บีวายดี’ เปิดโรงงานไทย ในวันที่ผู้บริโภคโวยวาย

เมื่อวาน (4 ก.ค.) นับว่าเป็นวันดีในแวดวงเศรษฐกิจอุตสาหกรรม เมื่อ BYD ผู้ผลิตรถอีวีเบอร์หนึ่งของจีนเปิดโรงงานในไทย ถือเป็นแห่งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เป็นข่าวใหญ่ที่สื่อนอกต้องจับตา เพราะเป็นการรุกขยายตัวในตลาดโลกอย่างต่อเนื่องของยักษ์ใหญ่แดนมังกรแม้ตลาดอีวีจะชะลอตัวลง ที่สำคัญคือไม่กี่ชั่วโมงหลังจากนั้นจะถึงเส้นตายสหภาพยุโรป (อียู) ขึ้นภาษีรถอีวีจากจีน ซึ่งอียูเป็นตลาดรถอีวีใหญ่สุดของจีน 

ก่อนหน้านี้เมื่อกลางเดือน พ.ค. สหรัฐประกาศขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากจีนหลายรายการ คิดเป็นมูลค่าถึง 1.8 หมื่นล้านดอลลาร์ (ราว 6.6 แสนล้านบาท) นำโดยกลุ่มรถยนต์ไฟฟ้า (อีวี) ที่ถูกขึ้นภาษีเป็น 4 เท่าไปทะลุระดับ 100% เรียกได้ว่า จีนโดนกำแพงภาษีสูงมาก เพราะรถจีนราคาถูก ผลิตมาก ส่งไปขายต่างประเทศมากแบบทะลักทลาย จนหลายประเทศต้องสอบสวนหาความจริงว่า รถอีวีจีนได้รับการอุดหนุนจนมีราคาถูก และเข้ามาแข่งขันอย่างไม่เป็นธรรมหรือไม่

ต้องยอมรับว่า เรื่องรถอีวีนั้นจีนเขาเป็นเจ้าจริงๆ ส่วนการที่มีบริษัทผลิตยานยนต์ไฟฟ้าแบรนด์ดังเข้ามาเปิดโรงงานในไทยนับว่าเป็นเรื่องน่ายินดี เราเคยเป็นฐานการผลิตรถยนต์สันดาปให้แบรนด์ญี่ปุ่นมานาน ตอนนี้ถึงเวลาต้องเปลี่ยนไปหาอีวีตามกระแสโลก ซึ่งจีนนำกระแสไปเรียบร้อยแล้ว รายงานคาดการณ์อีวีโลกของสำนักงานพลังงานระหว่างประเทศ (ไออีเอ) เผยว่า ภายในปี 2573 รถที่วิ่งกันอยู่ตามท้องถนนทุกๆ สามคันจะเป็นรถอีวีเกือบหนึ่งคัน ใครขยับตัวได้ก่อนก็ได้เปรียบ 

อีกหนึ่งประเด็นจากบีวายดี กรณีที่บริษัทประกาศโปรโมชันลดราคารถยนต์ไฟฟ้า EV ลดราคาหลายแสนบาททำให้ผู้บริโภคที่ซื้อรถยนต์จากค่ายดังกล่าวไปก่อนหน้านี้ไม่พอใจและร้องไปยังคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ให้ตรวจสอบแคมเปญดังกล่าว ล่าสุดทางสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคเตรียมเชิญผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งตัวแทนบริษัทรถยนต์ และผู้บริโภคเข้ามาให้ข้อมูล และเจรจาไกล่เกลี่ย เพื่อหาข้อสรุปโดยเร็ว

เรื่องแบรนด์รถอีวีหั่นราคาลงอย่างมากส่งผลสะเทือนไปถึงตลาดรถยนต์ทั้งรถใหม่และรถมือสอง เนื่องจากที่ผ่านมารถบีวายดีที่ขายอยู่ในประเทศไทยเป็นรถยนต์นำเข้า ตอนนี้มีโรงงานผลิตแล้วจำเป็นต้องระบายรถทำให้ต้องลดราคา นับจากนี้บีวายดีผลิตในไทยได้แล้วจะเน้นการส่งออกเป็นหลักหรือจะทำตลาดในไทยขึ้นอยู่กับกลยุทธ์ของบริษัท เขียนมาถึงตรงนี้มีข่าวว่า อียูขึ้นภาษีรถอีวีจีนมาอยู่ที่ 38% เนื่องจากรัฐให้การอุดหนุนอย่างไม่เป็นธรรม สรุปว่า บีวายดีถูกอียูขึ้นภาษีกับการเปิดโรงงานในไทย จะส่งผลต่อราคาไปอีกหรือไม่ ยังคงต้องตามต่อ ผู้บริโภคท่านใดซื้อของแพงไปแล้วขอให้ใจร่มๆ