อีวี แข่งดุเล่นใหญ่ แต่ชิงเค้กก้อนเดิม
ตลาดรถยนต์พลังงานไฟฟ้า หรือ อีวี (EV) เป็นที่รู้กันว่าเติบโตอย่างโดดเด่นอย่างมากในปี 2566 ที่ผ่านมา ด้วยตัวเลขจดทะเบียนที่สูงกว่า 7.6 หมื่นคัน สูงกว่าปีก่อนหน้าอย่างชัดเจน โดยปี 2565 มีตัวเลขไม่ถึง 1 หมื่นคัน นำมาซึ่งการไหลเข้าสู่ตลาด และการแข่งขันที่รุนแรง
ตัวเลขการเติบโตที่สวยงาม และการไหลบ่าเข้ามาของผู้เล่นรายใหม่อย่างต่อเนื่อง และการเพิ่มโมเดลใหม่ๆ ในตลาดทำให้คาดการณ์กันว่าตลาดปีนี้จะยังคงขยายตัวอย่างโดดเด่น และจะมีตัวเลขจดทะเบียนไม่ต่ำกว่า 1-1.3 แสนคัน ในปี 2567
นำไปสู่การตั้งเป้าจำหน่ายที่เพิ่มขึ้นอย่างมากของผู้ประกอบการแต่ละค่าย ซึ่งหากนำเป้าหมายของแต่ละแบรนด์มารวมกัน ก็จะพบว่าสูงกว่าเป้าหมายรวมไปมาก
ดังนั้นสิ่งที่ส่งสัญญาณตั้งแต่ต้นปี ภาวะการแข่งขันที่รุนแรง เพราะเป้าหมายผู้ประกอบการ สูงกว่าการคาดการณ์ตลาด
และเมื่อช่วงเวลาผ่านมา ภาวะเศรษฐกิจภายในประเทศที่ยังคงชะลอตัว และยังไม่มีสัญญาณว่ารัฐจะมีเครื่องมือตัวใดที่มีศักยภาพในการฟื้นสถานการณ์ บวกกับภาวะหนี้เสีย หนี้คร้วเรือนที่เพิ่มขึ้น ส่งผลกระทบกับตลาดรถยนต์อย่างรุนแรง ด้วยตัวเลขยอดขายที่ถดถอยลงไป 23.80% ในช่วง 5 เดือน (ม.ค.- พ.ค.) เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีที่แล้ว โดยอยู่ที่ 260,365 คัน
ผลกระทบดังกล่าว ไม่ได้มีเฉพาะรถยนต์ทั่วไปเท่านั้น แต่ยังส่งผลต่อตลาดอีวี เช่นกัน โดยช่วง 5 เดือนที่ผ่านมา มียอดจดทะเบียน 308,562 คัน ซึ่งหากค่าเฉลี่ยเป็นเช่นนี้ ภาพรวมตลาดทั้งปีน่าจะใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา ไม่เติบโตแต่อย่างใด
และนั่นก็น่าจะเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดสถานการณ์ในวันนี้ นั่นคือ การแข่งขันที่รุนแรง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การแข่งขันทางด้านราคาจำหน่าย ทั้งการตั้งราคาเริ่มต้น และการหั่นราคาที่เกิดขึ้นต่อเนื่องหลายครั้ง
และที่ฮือฮาอย่างมากในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาคือ การที่ เรเว่ ออโตโมทีฟ ประกาศปรับราคาจำหน่ายบีวายดี ดอลฟิน ลงมา 140,099 บาท ในรุ่นเริ่มต้น Standard Range
ทำให้ลูกค้าสามารถซื้อ เจ้าโลมาไฟฟ้าได้ในราคาเริ่มต้น 559,900 บาท และหากเป็นตัวท็อป Extended Range ปรับลด 160,099 บาท อยู่ที่ 669,900 บาท ซึ่งแน่นอนโครงสร้างราคาใหม่ ส่งผลกระทบกับคู่แข่งขันในตลาดทั้ง อีวี ด้วยกัน และรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายใน
อย่างไรก็ตาม เรเว่ ระบุว่า ราคาดังกล่าว จะมีจนถึงวันที่ 30 มิ.ย.67 หรือจนกว่ารถจะหมด
หากมองในด้านหนึ่งหากมองในแง่ดีต่อคู่แข่งขัน นั่นหมายถึงรถรุ่นนี้มีจำนวนจำกัด ดังนั้นอาจจะส่งผลกระทบกับตลาดในระยะที่ไม่ยาวนัก แต่ก็ต้องไม่ลืมว่าบีวายดีเป็นหนึ่งในบริษัทที่เข้าร่วมมาตรการส่งเสริมการใช้งานอีวีระยะเร่งด่วน และมาตรการส่งเสริมการลงทุนอีวี ที่จะต้องมีการผลิตรถในประเทศ หรือ CKD ชดเชยการนำเข้ามาทำตลาด
โดยหากเริ่มต้นผลิตปีนี้จะต้องผลิตคืนเท่ากับจำนวนที่นำเข้ามา แต่หากเริ่มต้นปี 2568 จะต้องผลิตคืน 1.5 เท่า ของจำนวนที่นำเข้ามาจำหน่าย
ซึ่งในแผนงานของบีวายดีจะเริ่มต้นการผลิตปีนี้ และรุ่นที่จะผลิตคือ ดอลฟิน จึงเป็นเรื่องที่น่าสนใจว่า แม้ดอลฟิน ที่นำมาลดราคาครั้งใหญ่รอบนี้จะถูกระบุว่าจำกัดทั้งเรื่องของระยะเวลา หรือจนกว่าสินค้าจะหมด แต่เมื่อบีวายดีเริ่มต้นการผลิต รถที่ออกจากโรงงานก็ไม่น่าจะกลับขึ้นไปจำหน่ายที่ราคาก่อนหน้านี้
ดังนั้นจึงน่าจะส่งผลกระทบกับการแข่งขันไม่น้อย
ขณะเดียวกันหลายคนก็เริ่มมองถึงสถานการณ์ในอนาคตว่าจะเป็นเช่นไร การแข่งขันจะรุนแรงมากขึ้นหรือไม่ และสงครามราคาจะรุนแรงขึ้นหรือไม่โดยเฉพาะเมื่อถึงทิศทางของตลาด อีวี ที่ไม่ได้ร้อนแรงเช่นเดิม และยิ่งเปรียบเทียบกับเทคโนโลยีลูกผสมอย่าง ไฮบริด ที่ดูจะมียอดขายรายเดือนที่คงเส้นคงวามากกว่า
ซึ่งทำให้กระแสที่หลายคนพูดถึงก่อนหน้านี้ว่าผู้ที่ชื่นชอบ อีวี อย่างจริงจัง และมีความพร้อม ทั้งด้านกำลังซื้อความพร้อมทั้งด้านการใช้งานนั้นซื้ออีวีไปแล้วจำนวนมากก่อนหน้านี้ ส่วนลูกค้าปัจจุบัน มีกลุ่มที่ยังไม่ตัดสินใจว่าจะใช้อีวีหรือใช้เทคโนโลยีอื่นอีกไม่น้อย
ดังนั้นจึงมีความเป็นไปได้ที่จะยังคงเห็นความรุนแรงของสงครามราคาที่ดูว่าน่าจะเป็นประโยชน์ต่อผู้บริโภค และก็อาจจะเป็นผลดีต่อยอดขาย
ยกเว้นถ้าผู้บริโภค มีความเชื่อว่า ราคาน่าจะลงไปมากกว่านี้ในวันข้างหน้าเท่านั้น
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์