แอ่วเหนือให้ฉ่ำ! ททท. ดึงคนไทย 'เที่ยวเหนือ' สวยสุดหน้าฝน ดันรายได้ 2 แสนล้าน
ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา 'ปัญหาหมอกควัน' รบกวนบรรยากาศท่องเที่ยวไฮซีซัน 'ภาคเหนือ' อย่างเห็นได้ชัด 'ททท.' จึงต้องแก้เกม โปรโมตท่องเที่ยวช่วง 'กรีนซีซัน' ให้ติดตลาด ด้วยการปรับเปลี่ยน Mindset ของนักท่องเที่ยวไทย ดึงคนเดินทางช่วง 'ฤดูฝน' ฤดูกาลที่สวยที่สุดในสายตาคนเหนือ!
ภัทรอนงค์ ณ เชียงใหม่ ผู้อำนวยการภูมิภาคภาคเหนือ ททท.ฉายภาพว่า ททท.คาดว่าจำนวน “ผู้เยี่ยมเยือนชาวไทย” เดินทางเข้าภาคเหนือตลอดปี 2567 จะเป็นไปตามเป้าหมาย 25.14 ล้านคน-ครั้ง เพิ่มขึ้น 14.29% เมื่อเทียบกับปี 2566 สร้างรายได้ 209,680 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 35.58%
หลังจาก 5 เดือนแรกปีนี้ (ม.ค.-พ.ค.) มีผู้เยี่ยมเยือนชาวไทยสะสมเกิน 50% ของเป้าหมายแล้ว ด้วยจำนวน 17 ล้านคน-ครั้ง สร้างรายได้ 97,000 ล้านบาท มีอัตราการเข้าพักเฉลี่ย 66% เบื้องต้นประเมินว่า 5 อันดับแรกของจังหวัดในภาคเหนือที่น่าจะมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าสูงสุดในปีนี้ คือ เชียงใหม่ เชียงราย พิษณุโลก น่าน และตาก
เมื่อสถานการณ์ท่องเที่ยวภาคเหนือช่วงครึ่งปีแรกเป็นไปตามเป้าหมาย โดยในไตรมาส 1 (ม.ค.-มี.ค.) ซึ่งเป็นพีคซีซันอยู่แล้ว มีอัตราการเข้าพักมากกว่า 70% แต่พอเข้าไตรมาส 2 (เม.ย.-มิ.ย.) ประสบ “ปัญหาหมอกควัน” เป็นช่วงที่คนเริ่มรู้และปรับพฤติกรรมการจองเป็นแบบกระชั้นชิดมากขึ้น แม้ไม่ได้จองล่วงหน้านาน แต่ก็ยังเห็นการเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในพื้นที่
“กระทั่งเข้าไตรมาส 3 (ก.ค.-ก.ย.) ซึ่งเป็นช่วงกรีนซีซัน (Green Season) เต็มตัว ด้วย 2 ปีก่อนหน้านี้ ททท.ได้โฟกัสการโปรโมตท่องเที่ยวกรีนซีซัน เพื่อปรับเปลี่ยนมายด์เซ็ตนักท่องเที่ยวให้เห็นว่าหน้าฝนเป็นฤดูที่สวยที่สุดของภาคเหนือ ส่งผลให้ไตรมาส 3 ปีนี้เริ่มเห็นผลพอสมควร คาดว่าจะมีผู้เยี่ยมเยือนชาวไทยเดินทางเข้าภาคเหนือ 5.5 ล้านคน-ครั้ง เพิ่มขึ้น 10% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว สร้างรายได้ 40,000-43,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20% มีอัตราการเข้าพักเฉลี่ย 57% จากการรุกจัดอีเวนต์และกิจกรรมการตลาด เพื่อกระตุ้นการเดินทางและการใช้จ่าย”
ภัทรอนงค์ ณ เชียงใหม่
สำหรับกิจกรรมส่งเสริมการตลาดของสำนักงาน ททท. ในภาคเหนือช่วงไตรมาส 3 มุ่งโปรโมตภายใต้แคมเปญ “แอ่วเหนือให้ฉ่ำ” จัดทำโปรโมชัน มอบสิทธิพิเศษให้กับนักท่องเที่ยว ทั้งส่วนลดที่พัก ร้านอาหาร กิจกรรมท่องเที่ยว และของที่ระลึก กระตุ้นการท่องเที่ยวช่วง “กรีนซีซัน” บรรยากาศชุ่มฉ่ำ สัมผัสหมอกฝน ความเขียวชอุ่มจากป่าเหนือและนาขั้นบันได
นอกจากนี้ยังมีแคมเปญอื่นๆ อาทิ “เหนือความคาดหมาย” จัดทำสินค้า “อาร์ตทอย” (Art Toy) คอลเลกชันพิเศษที่ผู้ผลิตอย่าง Motmo Studio ได้แรงบันดาลใจจากอัตลักษณ์และสัญลักษณ์ของ 5 จังหวัดภาคเหนือ ผสมผสานกับไลฟ์สไตล์คนในยุคปัจจุบัน เกิดเป็นสินค้าที่ระลึกเพื่อจูงใจให้คนเที่ยวภาคเหนือตั้งแต่ตอนบนถึงตอนล่าง ได้แก่ จ๊างแดง ช้างเผือกที่เป็นสัตว์คู่บ้านคู่เมือง จ.เชียงใหม่, เสือแปล้ เสือสวมเสื้อม่อฮ่อม จ.แพร่, บันนี่บันน่าน กระต่ายนักชิมกาแฟ จ.น่าน, ไก่ฟิตพิษโลก ไก่ชนเหลืองหางขาว ตามบันทึกประวัติศาสตร์เป็นไก่ตัวสำคัญของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช จ.พิษณุโลก และ มังจิ มังกรกินโมจิ ตัวแทนวัฒนธรรมคนไทยเชื้อสายจีนใน จ.นครสวรรค์ โดยนักท่องเที่ยวสามารถเข้าร่วมกิจกรรมแจกอาร์ตทอยได้จนถึงวันที่ 30 ก.ย. 2567
ขณะเดียวกัน ททท.ยังจับกระแส “สายศรัทธา” ร่วมกับทราเวลโลก้า (Traveloka) จัดแคมเปญ “เที่ยวเสริมบุญทั่วภาคเหนือ” นำเสนอโปรโมชันส่วนลดโรงแรมที่พักในภาคเหนือ ควบคู่กับการโปรโมตสินค้าท่องเที่ยวสายศรัทธาผ่านช่องทางออนไลน์และออฟไลน์
นอกจากนี้ยังมีแคมเปญ “คำ-ธรรม-นาย” เพื่อกระตุ้นการเดินทางไปยังแหล่งท่องเที่ยวที่ชาวล้านนาให้ความเคารพศรัทธาใน จ.เชียงใหม่ และ จ.เชียงราย นำเสนอประสบการณ์ท่องเที่ยวไหว้พระ ขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ และองค์เทพที่มีความเกี่ยวข้องด้านโชคลาภและความรัก เน้นเจาะกลุ่มเป้าหมายเจนวายและกลุ่มวัยทำงาน
รวมถึงงาน “เทศกาลขนหัวลุก” ใน จ.เชียงใหม่ ตั้งแต่วันที่ 29 ส.ค. - 1 ก.ย. 2567 ณ สวนสาธารณะบนที่ดินการรถไฟ เป็นอีกอีเวนต์ที่จะมาร่วมปลุกกระแสการเดินทางของสายศรัทธา
“ในไตรมาส 4 (ต.ค.-ธ.ค.) คาดว่าจะมีผู้เยี่ยมเยือนชาวไทย 7 ล้านคน-ครั้ง สร้างรายได้ 50,000 ล้านบาท มีอัตราการเข้าพักเฉลี่ย 75% ไล่เลียงจากเดือน ต.ค. คาดได้ 60-70% เดือน พ.ย. 70% และเดือน ธ.ค. 80% โดยสัดส่วนผู้เยี่ยมเยือนชาวไทยและรายได้ท่องเที่ยวของภาคเหนือ พบว่ากว่า 70% อยู่ใน 2 จังหวัดยอดนิยมอย่างเชียงใหม่และเชียงราย ทำให้ในปลายปีนี้ ททท.ต้องอัดกิจกรรมการตลาดลง 2 จังหวัดนี้อย่างต่อเนื่อง หนุนเป้าหมายทั้งจำนวนคนและรายได้ปี 2567 ให้เกินเป้าที่ตั้งไว้”
ภัทรอนงค์ เล่าเพิ่มเติมว่า เมื่อดูเฉพาะสถานการณ์เมืองท่องเที่ยวหลัก “เชียงใหม่” ตั้งเป้ามีจำนวนผู้เยี่ยมเยือนชาวไทยในปีนี้ 10 ล้านคน-ครั้ง เพิ่มขึ้น 28.93% เทียบกับปีที่แล้ว สร้างรายได้ 77,375 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 34.18% และโดยปกติเชียงใหม่จะมีผู้เยี่ยมเยือนชาวไทยครองสัดส่วนราว 80% ส่วนอีก 20% เป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติ เมื่อรวมทั้งตลาดในและต่างประเทศเดินทางเข้าเชียงใหม่ปีนี้น่าจะได้ประมาณ 13 ล้านคน
หลังจากภาพรวมตลาดผู้เยี่ยมเยือนชาวไทยเดินทางเข้าเชียงใหม่กลับมาเป็นปกติแล้ว ส่วนนักท่องเที่ยวต่างชาติ คาดในไตรมาส 4 ปีนี้ตลาด “จีน” น่าจะกลับมาได้ดีขึ้น ด้วยการโปรโมตท่องเที่ยวทางบกข้ามพรมแดน และการดึงเที่ยวบินตรงจากจีนเข้าเชียงใหม่ หลังครึ่งปีแรกชาวจีนเที่ยวเชียงใหม่ยังฟื้นตัวไม่เท่าเดิม ส่วนตลาดอื่นๆ อย่าง “เกาหลีใต้” พบว่าฟื้นตัวกลับมามากกว่าปกติแล้ว ขณะที่ “ไต้หวัน” และ “เวียดนาม” ก็เป็นอีกตลาดที่มีกระแสดี “ยุโรป” ก็ถือว่าดูดีเช่นกัน
“สิ่งที่เชียงใหม่ต้องทำในตอนนี้ คือการปรับบาลานซ์ตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติ กระจายความหลากหลาย ไม่เน้นเฉพาะตลาดจีนมากเกินไป” ภัทรอนงค์กล่าว