ส.อ.ท. เร่งรัฐช่วย SME บรรเทาผลกระทบน้ำท่วม ปรับขึ้นค่าไฟ-ค่าจ้างขั้นต่ำ
ส.อ.ท. เผยดัชนีเชื่อมั่นอุตฯ เดือน ส.ค. 2565 ฟื้นต่อเนื่อง 3 เดือนติด หลังคลายล็อคดาวน์ มองแนวโน้มเศรษฐกิจไทยขยายตัวช้าๆ จากภาคท่องเที่ยวและดีมานต์ในประเทศ เสนอรัฐเตรียมแผนรับมือน้ำท่วม ออกมาตรการบรรเทาผลกระทบรายเล็ก จากค่าไฟและค่าแรงที่ปรับขึ้น
วันที่ 13 ก.ย. 2565 นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยผลการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมในเดือนส.ค. 2565 อยู่ที่ระดับ 90.5 ปรับตัวเพิ่มขึ้นจาก 89.0 ในเดือนก.ค. โดยปรับตัวเพิ่มขึ้น ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3
โดยมีปัจจัยสนับสนุนสำคัญจากในประเทศ ได้แก่ กิจกรรมทางเศรษฐกิจต่างๆ ที่กลับเข้าสู่ภาวะปกติ หลังจากสถานการณ์โควิด-19 ปรับตัวดีขึ้น และภาครัฐผ่อนคลายมาตรการควบคุมโควิด-19 อย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้การบริโภคในประเทศมีทิศทางที่ดีขึ้น สะท้อนจากความต้องสินค้าภาคอุตสาหกรรมยังคงขยายตัวต่อเนื่อง
ขณะที่บรรยากาศการท่องเที่ยวมีสัญญาณที่ดีขึ้นหลังการยกเลิก Thailand Pass รวมถึงมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวผ่านโครงการเราเที่ยวด้วยกันช่วยสนับสนุนการใช้จ่ายในประเทศ
"อย่างไรก็ตาม ยังมีปัจจัยลบจากเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวลง โดยเฉพาะเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าสำคัญอย่างสหรัฐฯ และยุโรป ที่กำลังเผชิญปัญหาเงินเฟ้อ ขณะที่สถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครนยังมีความไม่แน่นอน"
นอกจากนี้ ปัญหาการขาดแคลนชิป ส่งผลกระทบต่อการผลิตสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้า สินค้าอิเล็กทรอนิกส์ และรถยนต์บางรุ่น
ขณะเดียวกัน ผู้ประกอบยังมีความกังวลเกี่ยวกับต้นทุนการผลิตที่เพิ่มสูงขึ้น จากราคาวัตถุดิบ อาทิ อาหารสัตว์ เหล็กและอลูมิเนียม ค่าไฟฟ้า รวมถึงต้นทุนด้านโลจิสติกส์ที่ทรงตัวในระดับสูง แม้ว่าในเดือนส.ค. ต้นทุนด้านราคาน้ำมันจะปรับตัวดีขึ้น รวมไปถึงปัญหาการขาดแคลนแรงงานต่างด้าวในภาคการผลิต
"ผู้ประกอบการมีความกังวลเกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราจ้างขั้นต่ำ ในวันที่ 1 ต.ค. 2565 รวมถึงการปรับขึ้นค่าไฟฟ้ารอบใหม่ในช่วงเดือนก.ย. - ธ.ค. 2565 จะส่งผลให้ต้นทุนประกอบการสูงขึ้น นอกจากนี้ยังมีความเสี่ยงด้านเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว รวมถึงความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ต่างๆ อาจส่งผลกระทบต่อภาคการส่งออกของไทย"
จากการสำรวจผู้ประกอบการ 1,304 ราย ครอบคลุม 45 กลุ่มอุตสาหกรรมของสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยในเดือนส.ค. 2565 พบว่า ปัจจัยที่ผู้ประกอบการมีความกังวลเพิ่มขึ้น ได้แก่ สภาวะเศรษฐกิจโลก 75.9% สถานการณ์การเมือง 42.8% อัตราแลกเปลี่ยนในมุมมองผู้ส่งออก 39.3% และอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ 35.7% ส่วนปัจจัยที่มีความกังวลลดลง ได้แก่ ราคาน้ำมัน 77.6% เศรษฐกิจในประเทศ 45.9% สถานการณ์ระบาดของโควิด 48.7%
สำหรับดัชนีฯ คาดการณ์ 3 เดือนข้างหน้า อยู่ที่ระดับ 99.5 ปรับตัวเพิ่มขึ้นจาก 98.7 ในเดือนก.ค. เนื่องจากผู้ประกอบการมองว่า เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวแบบช้าๆ โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวและการขยายตัวของอุปสงค์ในประเทศ รวมทั้งมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ
ทั้งนี้ ส.อ.ท. มีข้อเสนอแนะต่อรัฐ 4 เรื่อง ได้แก่ 1. เร่งออกมาตรการบรรเทาผลกระทบจากการปรับขึ้นค่าไฟฟ้า และการปรับขั้นค่าแรงขั้นต่ำ อาทิ การให้ส่วนลดค่าไฟฟ้าแก่ใผู้ประกอบการ SMEs และสนับสนุนงบประมาณเพื่อส่งเสริมการจ้างงาน เพื่อช่วยลดต้นทุนให้กับผู้ประกอบการ
2. อำนวยความสะดวกในการนำเข้าแรงงานต่างด้าวจากประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อแก้ปัญหาแรงงานขาดแคลน รวมทั้งสนับสนุนให้ผู้ประกอบการนำเครื่องจักรมาใช้ในการผลิตมากขึ้น
3. ภาครัฐควรเตรียมมาตรการรับมือเพื่อป้องกันผลกระทบกรณีเกิดอุทกภัยในพื้นที่เศรษฐกิจ รวมทั้งควรมีแผนบริหารจัดการน้ำอย่างเป็นระบบเพื่อแก้ไขปัญหาอุทกภัยและน้ำแล้ง
4. สนับสนุนผู้ประกอบการ SME ที่กำลังเริ่มฟื้นตัวจากภาระต้นทุนที่เพิ่มขึ้น ให้เข้าถึงความช่วยเหลือของภาครัฐได้ง่ายขึ้น อาทิ ปัญหาน้ำท่วม การเคลื่อนย้ายแรงงาน การขาดแคลนแรงงานต่างด้าว ค่าต้นทุนวัตถุดิบที่สูงขึ้นจากค่าพลังงาน