ดาวโจนส์ร่วง 173 จุดขณะที่นักลงทุนจับตาตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐ
ดัชนีดาวโจนส์ ปิดวันพฤหัสบดี(15ก.ย.)ปรับตัวลง 173 จุด ขณะที่นักลงทุนจับตาตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐ ซึ่งจะบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ลดลง 173.27 จุด หรือ 0.56% ปิดที่ 30,961.82 จุด ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ลดลง 44.66 จุด หรือ 1.13% ปิดที่ 3,901.35 จุด และดัชนีแนสแด็ก ลดลง 167.32 จุด หรือ 1.43% ปิดที่ 11,552.36 จุด
หุ้นกลุ่มพลังงานดิ่งลงนำตลาด ตามราคาน้ำมันที่ทรุดตัวลงกว่า 3% ในวันนี้ ส่วนหุ้นกลุ่มการเงินพุ่งขึ้นสวนทางตลาด เนื่องจากเป็นกลุ่มที่ได้รับประโยชน์จากอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น
ทั้งนี้ สหรัฐเปิดเผยตัวเลขยอดค้าปลีกสูงเกินคาดในเดือนส.ค. ขณะที่ตัวเลขผู้ขอสวัสดิการว่างงานต่ำกว่าคาดในสัปดาห์ที่แล้ว ส่วนเฟดสาขานิวยอร์คเปิดเผยดัชนีภาคการผลิตสูงกว่าคาดในเดือนก.ย. และเฟดสาขาฟิลาเดลเฟียเปิดเผยดัชนีภาคการผลิตต่ำกว่าคาด
นอกจากนี้ การซื้อขายถูกกดดันจากการดีดตัวของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ ท่ามกลางการคาดการณ์ที่ว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยไม่ต่ำกว่า 0.75% ในการประชุมนโยบายการเงินในสัปดาห์หน้า
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 2 ปี ซึ่งมีความอ่อนไหวต่อนโยบายการเงินของเฟด ยังคงปรับตัวขึ้นเหนือระดับ 3.8% ในวันนี้ และอยู่สูงกว่าอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีและ 30 ปี
การที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะสั้นดีดตัวสูงกว่าระยะยาว ส่งผลให้ตลาดพันธบัตรสหรัฐเกิดภาวะ inverted yield curve ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณเศรษฐกิจถดถอย ท่ามกลางการเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด
ล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 80% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% สู่ระดับ 3.00-3.25% ในการประชุมวันที่ 20-21 ก.ย. และให้น้ำหนัก 20% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 1.00%
หากเฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ในเดือนก.ย. ก็จะส่งผลให้เฟดขึ้นดอกเบี้ย 0.75% ติดต่อกันเป็นครั้งที่ 3 หลังจากปรับขึ้น 0.75% ทั้งในเดือนมิ.ย.และก.ค.