ขสมก.ปรับแผนฟื้นฟูกิจการ ลุยรายได้เชิงพาณิชย์ - จัดหารถเมล์ไฟฟ้า
ขสมก.เร่งปรับแผนฟื้นฟูกิจการฉบับใหม่ เตรียมดึงเอกชนร่วมลงทุนพื้นที่เชิงพาณิชย์ และจัดหารถเมล์ไฟฟ้าเพิ่มเติม 224 คัน
นายกิตติกานต์ จอมดวงจารุวรพลกุล ผู้อำนวยการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) กล่าวว่า ขณะนี้ ขสมก.อยู่ระหว่างปรับปรุงแผนฟื้นฟูกิจการฉบับใหม่ตามมติของคณะอนุกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (คนร.) ที่มอบหมายให้ ขสมก.ปรับปรุงแผนดังกล่าวให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน
อย่างไรก็ดี ขสมก.ประเมินว่าจะปรับปรุงแผนแล้วเสร็จเพื่อเสนอ คนร.ภายในเดือนนี้ หลังจากนั้นจะเสนอที่ประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) ขสมก. ภายในเดือน พ.ย. 2565 และเสนอกระทรวงคมนาคมพิจารณาเห็นชอบภายในเดือน ธ.ค.2565 ก่อนรายงานไปยังสำนักงานสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) พิจารณาตามขั้นตอน เพื่อประกอบความเห็นในการจัดสรรงบประมาณ
สำหรับแผนฟื้นฟูฉบับใหม่ ขสมก.เน้นเพิ่มรายได้นอกเหนือจากธุรกิจหลัก (Non - core) โดยจะเพิ่มการพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์ เปิดให้เอกชนร่วมพัฒนาโครงการต่างๆ ในอู่จอดรถโดยสาร อาทิ พื้นที่อู่รถบางเขน อู่มีนบุรี และพื้นที่อู่รถเมล์บริเวณหมอชิต เป้าหมายจะพัฒนาพื้นที่ส่วนนี้ให้เป็นสวนสาธารณะที่สามารถจัดกิจกรรมต่างๆ อำนวยความสะดวกให้แก่ผู้โดยสาร และเป็นศูนย์รวมของร้านค้าร้านอาหาร เป็นต้น
ส่วนแผนจ้างเหมาบริการเดินรถโดยสารประจำทางไฟฟ้า (อีวี) จำนวน 224 คัน วงเงิน 953 ล้านบาท ปัจจุบันอยู่ระหว่างจัดทำร่างเอกสารการประกวดราคา (ทีโออาร์) เพื่อประกอบความคิดเห็นตามที่สำนักงบประมาณได้มอบหมายให้ ขสมก.ดำเนินการจัดหารถเมล์อีวี ตามขั้นตอนในรูปแบบการใช้งบลงทุน ให้สอดคล้องกับระเบียบของรัฐวิสาหกิจให้ชัดเจน คาดว่าแผนการจัดหารถเมล์อีวี 224 คัน จะเริ่มให้บริการได้ในปี 2566 จากเดิมที่มีแผนนำร่องจัดหารถทั้งหมด 400 คัน
ขณะเดียวกัน ขสมก.ยังมี แผนการจัดหารถเมล์อีวีในรูปแบบการลงทุนระหว่างภาครัฐและเอกชน (พีพีพี) ซึ่งเป็นการร่วมลงทุนโดยให้เอกชนเข้ามาบริหารจัดการ ซึ่งจะทำให้ ขสมก.ประหยัดค่าใช้จ่าย รวมทั้งต้นทุน ค่าเชื้อเพลิง และค่าบำรุงรักษาได้มากขึ้น ส่วนผลประโยชน์ที่เอกชนจะได้รับจากการร่วมทุนในครั้งนี้ เช่น ผลตอบแทนและกำไร โดยปัจจุบัน ขสมก.อยู่ระหว่างจ้างที่ปรึกษาเพื่อศึกษาความเหมาะสมของแผนดังกล่าว ซึ่งจะดำเนินการศึกษาแล้วเสร็จภายในสิ้นปีนี้ เพื่อเสนอกระทรวงคมนาคมและ สคร.อนุมัติการร่วมลงทุนในรูปแบบพีพีพี