หุ้นยุโรปปิดพุ่งสูงสุดนับตั้งแต่กลางเดือนมี.ค. คลายวิตกดอกเบี้ย
ตลาดหุ้นยุโรปปิดพุ่งขึ้นในวันอังคาร (4 ต.ค.) ตามทิศทางตลาดหุ้นทั่วโลก โดยได้แรงหนุนจากความหวังที่เพิ่มขึ้นว่า ธนาคารกลางต่าง ๆ อาจชะลออัตราการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในอนาคต ขณะที่พยายามจะลดเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับสูง
ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดตลาดที่ระดับ 403.03 จุด พุ่งขึ้น 12.20 จุด หรือ +3.12% ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 6,039.69 จุด เพิ่มขึ้น 245.54 จุด หรือ +4.24%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 12,670.48 จุด เพิ่มขึ้น 461.00 จุด หรือ +3.78% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,086.46 จุด เพิ่มขึ้น 177.70 จุด หรือ +2.57%
ตลาดหุ้นยุโรปและตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวขึ้น หลังข้อมูลการผลิตของสหรัฐเมื่อวันจันทร์ทำให้เกิดความหวังว่า อัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นกำลังเริ่มที่จะกระทบอุปสงค์ และธนาคารกลางต่าง ๆ อาจเริ่มที่จะชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
นอกจากนี้ การที่ธนาคารกลางออสเตรเลียปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ซึ่งน้อยกว่าที่ตลาดคาดการณ์นั้น ได้ช่วยหนุนบรรยากาศการซื้อขายหุ้นด้วย
ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ของยูโรโซนปรับตัวขึ้นน้อยกว่าคาดในเดือนส.ค. ซึ่งเป็นผลจากราคาพลังงานที่พุ่งขึ้น แต่ดัชนี PPI พื้นฐานซึ่งไม่รวมราคาพลังงานนั้น ชะลอตัวลง
หุ้นทุกกลุ่มในดัชนี STOXX 600 ปรับตัวขึ้น นำโดยหุ้นกลุ่มเดินทางและนันทนาการ ซึ่งพุ่งขึ้น 6.2%
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยี พุ่งขึ้น 5.1% โดยได้แรงหนุนจากหุ้นชิปที่ปรับตัวขึ้น อาทิ หุ้นเอเอสเอ็มแอล, เอสทีไมโครอิเล็กทรอนิกส์ และอินฟิเนียน หลังรัฐสภายุโรปอนุมัติกฎเกณฑ์ที่จะใช้พอร์ตชาร์จที่เป็นมาตรฐานเดียวกันสำหรับโทรศัพท์เคลื่อนที่, แท็บเล็ต และกล้องถ่ายรูป
หุ้นซิกา ซึ่งเป็นบริษัทผลิตเคมีภัณฑ์ พุ่ง 6% หลังปรับเพิ่มคาดการณ์ยอดขายทั้งปี
อย่างไรก็ตาม ดัชนี STOXX 600 ยังคงร่วงลง 17.4% แล้วในปีนี้ โดยได้รับผลกระทบจากวิกฤตพลังงานที่เกิดจากความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยูเครน และความวิตกที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยหลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และธนาคารกลางอื่น ๆ เร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อควบคุมเงินเฟ้อ