คลังค้ำเงินกู้ 1.5 แสนล้านบาท อุ้มกองทุนน้ำมัน
ปลัดกระทรวงพลังงาน เผยความคืบหน้าแผนกู้เงิน ของกองทุนน้ำมัน เพื่อรักษาเสถียรภาพกองทุนฯ ล่าสุด ครม.ไฟเขียวให้กระทรวงการคลังค้ำประกันเงินกู้ 1.5 แสนล้านบาท คาดใช้หนี้คืนได้ภายใน 3 ปี ขณะที่ล่าสุดกองทุนน้ำมันติดลบกว่า 1.27 แสนล้านบาท
ปลัดกระทรวงพลังงาน กุลิศ สมบัติศิริ ระบุ ความคืบหน้าแผนการกู้เงินโดยสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงล่าสุด ครม. เห็นชอบแผนการกู้เงินตามที่กระทรวงพลังงานเสนอวงเงิน 1.5 แสนล้านบาท ซึ่งทยอยดำเนินการกู้ตามแผนรวม 12 งวด แบ่งเป็น 2 ส่วนคือ ส่วนที่ 1 การกู้ยืมในวงเงิน 3 หมื่นล้านบาท ตามแผนการบริหารหนี้สาธารณะประจำปีงบประมาณ 2566 โดยการกู้ยืมเงินจะทยอยดำเนินการเป็น 2 ครั้ง และส่วนที่ 2 วงเงินกู้ส่วนที่เหลืออีก 1.2 แสนล้านบาท
โดยจะดำเนินการกู้เงินได้เมื่อคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแผนการบริหารหนี้สาธารณะเรียบร้อยแล้ว ซึ่งเงินที่ได้จะนำเสริมสภาพคล่องของกองทุนฯ และชำระหนี้คืนตามที่ได้ค้างไว้ คาดว่า 2 งวดแรกจะได้ภายในต้นเดือน พ.ย.นี้ ซึ่งขณะนี้ได้ส่งหนังสือเชิญชวนสถาบันการเงินไปแล้ว โดยวงเงิน 1.5 แสนล้านบาท จะต้องกู้ให้เสร็จภายใน 1 ปี หรือภายในวันที่ 5 ต.ค.2566 หลังจากนี้กระทรวงการคลังจะไม่ค้ำประกันให้ คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 3 ปีในการชำระหนี้
กองทุนน้ำมันติดลบ 1.27 แสนล้านบาท
สำหรับ ฐานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงวันที่ 23 ต.ค. 2565 ติดลบ 1.27 แสนล้านบาท เนื่องจากปัจจุบันมีวิกฤติสงครามรัสเซีย-ยูเครน ที่อาจมีผลกระทบไปถึงปี 2566 ถือเป็นช่วงเข้าฤดูหนาว อาจทำให้ราคาเชื้อเพลิงตลาดโลกผันผวน กระทบกับราคาของสินค้าอุปโภคและบริโภค จะส่งผลให้ประชาชนเดือดร้อน ดังนั้น กองทุนน้ำมันจึงต้องรักษาเสถียรภาพของราคาให้เหมาะสม เพื่อลดผลกระทบ
ปัจจุบันกองทุนน้ำมันมีราคาจ่ายสูงกว่ารายรับ โดยมีรายจ่ายวันละ 22 ล้านบาท เฉลี่ยเดือนละ 6,682 ล้านบาท รัฐจำเป็นต้องลดภาระประชาชน และช่วยเหลือไม่ให้กระทบกับราคาสินค้าต่างๆ ดังนั้น การอนุมัติครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องการกู้เงินใหม่ แต่เป็นการอนุมัติเรื่องของแผนเงินกู้เดิม
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์