ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสร่วง 1.83 ดอลล์ ผวาเฟดขึ้นดอกเบี้ย
ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส ปิดวันพฤหัสบดี(3พ.ย.) ดิ่งลง 1.83 ดอลลาร์ ท่ามกลางความกังวลที่ว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะทำให้เศรษฐกิจเผชิญภาวะถดถอย และส่งผลกระทบต่อความต้องการใช้น้ำมัน
นอกจากนี้ ราคาน้ำมัน ยังถูกกดดันจากการแข็งค่าของดอลลาร์ ซึ่งจะลดความน่าดึงดูดของสัญญา โดยทำให้สัญญาน้ำมันมีราคาแพงขึ้นสำหรับผู้ถือครองเงินสกุลอื่น
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส ส่งมอบเดือนธ.ค. ซึ่งมีการซื้อขายที่ตลาดไนเม็กซ์ ลบ 1.83 ดอลลาร์ หรือ 2.0% สู่ระดับ 88.17 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ ร่วงลง 1.49 ดอลลาร์ หรือ 1.5% ปิดที่ราคา 94.67 ดอลลาร์/บาร์เรล
เฟดจัดการประชุมนโยบายการเงินวานนี้ โดยมีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ และส่งสัญญาณว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพียง 0.50% ในเดือนธ.ค.
อย่างไรก็ดี นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด กล่าวแสดงความมุ่งมั่นในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไปเพื่อสกัดเงินเฟ้อ
คำกล่าวของนายพาวเวลส่งผลให้นักลงทุนคาดว่าวงจรการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดจะยาวนานกว่าที่คาดไว้ ขณะที่ตลาดปรับเพิ่มคาดการณ์เพดานสูงสุดของอัตราดอกเบี้ยของเฟดสู่ระดับ 5% หรือสูงกว่านั้นในปีหน้า จากเดิมคาดการณ์ที่ระดับ 4.50-4.75%
ราคาน้ำมัน ยังถูกกดดันจากความกังวลเกี่ยวกับการคุมเข้มมาตรการควบคุมโควิด-19 ในจีน หลังพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่จำนวน 3,200 รายเมื่อวานนี้ ซึ่งเป็นจำนวนสูงสุดในรอบ 2 เดือนครึ่ง และเป็นครั้งแรกที่จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายวันของจีนพุ่งสูงเกิน 3,000 รายนับตั้งแต่วันที่ 17 ส.ค.