สุวรรณภูมิจัดใหญ่ ‘ตลาดนัดแรงงาน’ เฟ้นหา 1,500 อัตรา รับการบินฟื้นตัว
ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเตรียมจัดใหญ่ “ตลาดนัดแรงงาน” 9 – 11 พ.ย.นี้ รวมบริษัทและผู้ประกอบการ 30 แห่ง เปิดรับสมัครงานกว่า 1,500 อัตรา รองรับอุตสาหกรรมการบินฟื้นตัว คาดปีหน้าผู้โดยสารพุ่ง 2 แสนคนต่อวัน
“แนวโน้มปริมาณผู้โดยสารตอนนี้เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ญี่ปุ่นขอเพิ่มสิทธิการบินและจีนยังส่งสัญญาณเตรียมเปิดประเทศอีก เราคาดว่าปัจจัยเหล่านี้จะทำให้ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิในปีหน้า ฟื้นตัวแบบก้าวกระโดด ผู้โดยสารจะสูงถึง 2 แสนคนต่อวัน เทียบเท่าช่วงก่อนเกิดโควิด” ส่วนหนึ่งของบทสัมภาษณ์ นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ภายหลังหารือร่วมกับผู้บริหาร บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. เมื่อวันที่ 3 พ.ย.ที่ผ่านมา
โดยท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ได้ประกาศความพร้อมด้านบริการ รองรับการฟื้นตัวของผู้โดยสาร จัด "ตลาดนัดแรงงาน" ครั้งที่ 8 (Suvarnabhumi Airport Job Fair 2022) ระหว่างวันที่ 9 - 11 พ.ย. 2565 ตั้งแต่เวลา 09.00 - 15.00 น. ณ ศูนย์การขนส่งสาธารณะ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ
ซึ่งภายในงานมีบริษัทและผู้ประกอบการในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิทั้งหมด 30 แห่ง เปิดรับสมัครงานกว่า 1,500 อัตรา ในตำแหน่งต่างๆ อาทิ วิศวกรไฟฟ้า พนักงานบริการลูกค้าภาคพื้น พนักงานคลังสินค้า พนักงานตรวจค้นผู้โดยสาร พนักงานรักษาความปลอดภัย ช่างเทคนิค เป็นต้น รับตั้งแต่วุฒิการศึกษาระดับประถมศึกษา - ปริญญาโท
ทั้งนี้ การประกาศเฟ้นหาแรงงานในอุตสาหกรรมการบินครั้งนี้ บ่งชี้ได้ถึงสัญญาณฟื้นตัวของอุตสาหกรรมการบินที่เผชิญโรคซึมเศร้ามายาวนานกว่า 2 ปี จากผลกระทบโควิด -19 ระบาด เป็นสัญญาณของการกลับมาสดใสอีกครั้งสอดคล้องกับภาคการท่องเที่ยว อันจะก่อให้เกิดการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของประเทศไทย
ขณะเดียวกัน เพื่อรองรับปริมาณผู้โดยสารที่จะฟื้นตัวอย่างก้าวกระโดดตามการคาดการณ์ของกระทรวงคมนาคมนั้น ยังสั่งการให้ ทอท.เร่งรัดเปิดให้บริการอาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1 (SAT-1) ภายในกลางปี 2566 หลังจากที่ปัจจุบันอาคารดังกล่าวได้ก่อสร้างแล้วเสร็จ ซึ่งหากเปิดบริการจะรองรับผู้โดยสารได้เพิ่มขึ้น 15 ล้านคน ลดความแออัดภายในอาคารผู้โดยสาร อีกทั้งยังจะเพิ่มช่องทางจอดอากาศยานได้มากขึ้นด้วย
ก่อนหน้านี้ นายนิตินัย ศิริสมรรถการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. ออกมาระบุว่า แนวโน้มผู้โดยสารในปัจจุบันพบว่าฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง โดย ทอท.คาดการณ์ว่าในปีงบประมาณ 2566 (1 ต.ค.2565 – 30 ก.ย.2566) จะมีปริมาณผู้โดยสารเพิ่มขึ้นที่ 96 ล้านคน และกลับมาฟื้นตัวเป็นปกติเทียบกับก่อนเกิดโควิด-19 จำนวน 142 ล้านคน ในปี 2567 ซึ่งเป็นประมาณการณ์ที่สอดคล้องกับองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) ที่ออกมาระบุว่าอุตสาหกรรมการบินจะฟื้นตัวสู่สถานการณ์ปกติในปี 2567
อย่างไรก็ดี ในภาพรวมการฟื้นตัวของผู้โดยสาร ขณะนี้ ทอท.ไม่กังวลเพราะมีพนักงานเตรียมพร้อมเทียบเท่ากับช่วงก่อนเกิดโควิดอยู่แล้ว แต่สิ่งที่กังวล คือผู้ประกอบการที่เกี่ยวเนื่อง ห่วงเพื่อนในอุตสาหกรรมจะเตรียมพร้อมทันหรือไม่ ยกตัวอย่างเช่น แท็กซี่ ก่อนหน้านี้มีแท็กซี่ลงทะเบียนให้บริการที่ท่าอากาศยานดอนเมือง 2 พันคัน แต่ปัจจุบันกลับมาให้บริการเพียง 400 – 500 คัน ดังนั้นตอนนี้ต้องส่งสัญญาณถึงผู้ประกอบการที่เกี่ยวเนื่องให้เตรียมพร้อม และ ทอท.ก็ต้องเตรียมแผนสำรองเพื่อแก้ไขปัญหาไม่ให้การบริการสะดุดด้วย
โดยปัจจุบัน ทอท.ยังเปิดตัว บริษัท บริการภาคพื้น ท่าอากาศยานไทย จำกัด หรือ AOTGA โดย ทอท.ถือหุ้นในสัดส่วน 49% ซึ่งจะเป็นส่วนสำคัญในการเข้ามารองรับบริการภาคพื้นภายในท่าอากาศยาน รองรับต่อความต้องการของลูกค้าสายการบินต่างๆ ที่อาจจะทำการบินเข้ามาไทยท่าอากาศยานของ ทอท.และยังไม่ได้เตรียมความพร้อมสำหรับบริการภาคพื้น โดย AOTGA ขณะนี้ถือเป็นบริษัทใหม่ ปัจจุบันจึงมีการเปิดรับพนักงานบริการภาคพื้นจำนวนมาก