“ซูเปอร์คาร์” บุกเวียดนาม ชี้ศักยภาพเศรษฐกิจโต
เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา “แม็คลาเรน ออโตโมทีฟ” แบรนด์รถสปอร์ตหรูสัญชาติอังกฤษ ซึ่งมีสายการผลิตแต่รถสปอร์ตที่สามารถวิ่งบนถนนได้ ด้วยเทคโนโลยีจากฟอร์มูลาวัน เปิดตัวโชว์รูมรถแห่งแรกในเวียดนามที่เมืองโฮจิมินห์
เวียดนามถือเป็นหนึ่งในประเทศกำลังพัฒนาที่ขยายตัวอย่างรวดเร็ว สะท้อนได้จากจีดีพีต่อหัว(GDP per capita) ที่มีอัตราการเติบโตอย่างก้าวกระโดดตลาดช่วงสิบปีที่ผ่าน จาก 1,942 ดอลลาร์ ในปี 2554 เป็น 3,694 ดอลลาร์ ในปี 2564 ตามข้อมูลของธนาคารโลก ในขณะที่ปี2565 จีดีพีเวียดนามคาดว่าจะโตได้ถึง 7%
นอกจากนี้ รายงานความมั่งคั่งปี 2564 ที่เผยแพร่โดย Knight Frank ระบุว่าเวียดนามมีบุคคลที่มีความมั่งคั่ง 390 คน ซึ่งคาดว่ากลุ่มผู้มีความมั่งคั่งในเวียดนามจะมีอัตราการเติบโตอยู่ที่31% ภายในปี 2568 ซึ่งหมายความว่าลูกค้าเป้าหมายของรถยนต์หรูจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
ทั้งนี้ การเปิดโชว์รูมใหม่ขงแม็คลาเรนสะท้อนให้เห็น 2 แง่มุม หนึ่งการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างรายได้ของประชากรในเวียดนาม สอง การเปลี่ยนผ่านดีมานต์จากรถจักรยานยนต์ไปยังยานยนต์สี่ล้อ
โดยปัจจัยหลักที่ส่งผลให้เกิดความเปลี่ยนแปลงข้างต้น ประกอบด้วย การเพิ่มขึ้นของรายได้ กำแพงภาษีนำเข้าที่ลดลงเนื่องจากการทำข้อตลงการค้าเสรี (FTAs) และค่านิยมในการครอบครองรถยนต์
รายงานสถิติจาก Vietnam Register เผยว่าในช่วงครึ่งแรกของปี 2565 รถแบรนด์หรูเกือบทุกแบรนด์มียอดขายเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยเมอร์เซเดสเบนซ์ซึ่งเป็นแบรนด์เดียวที่มีโรงงานผลิตในประเทศมียอดขายอันดับหนึ่ง อยู่ที่ 3,929 คัน เพิ่มจากปีก่อนหน้าซึ่งอยู่ที่ 3,071 คัน รวมทั้งแบรนด์รถหรูอื่นๆ ที่มียอดขายเพิ่มขึ้นเช่นกัน ได้แก่ เลกซัส 966 คัน วอลโว่ 852 คัน บีเอ็มดับเบิลยู 661 คัน พอร์ช 411 คัน อาวดี้ 254 คัน
โดยนักวิเคราะห์ยังชี้ว่ากำลังซื้อของสินค้าฟุ่มเฟือยฟื้นตัวแล้ว และตลาดสินค้าฟุ่มเฟือยจะคึกคักมากขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเดือนสุดท้ายของปี มูลค่าตลาดรถยนต์หรูหราคาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 8-10% เมื่อเทียบกับปี 2564 เนื่องจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ