"เอกชน" ประเมินการเมืองหลัง APEC รัฐบาลคุมเกมได้ทั้งใน-นอกสภา

"เอกชน" ประเมินการเมืองหลัง APEC รัฐบาลคุมเกมได้ทั้งใน-นอกสภา

"เอกชน" ประเมินการเมืองหลังเอเปค รัฐบาลคุมได้ทั้งใน-นอกสภา “สนั่น” ตั้งสเปคนายกฯ คนใหม่ ต้องแก้ปัญหาเศรษฐกิจได้ เร่งรัฐบาลนำข้อสรุปเอเปคมาขับเคลื่อนทั้ง “เอฟทีเอ-บีซีจี”

นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า สถานการณ์การเมืองหลังการประชุม APEC คงใกล้เข้าสู่โหมดการเตรียมการเลือกตั้ง เพราะรัฐบาลใกล้ครบวาระในเดือน มี.ค.2566 โดยสถานการณ์การเมืองหลังเอเปค มองเป็น 2 ส่วน คือ

1.การเมืองในสภาจะมีบางประเด็นที่รัฐบาลต้องให้คำตอบที่ชัดเจนและหาทางออก 2.การเมืองนอกสภา คิดว่าไม่มีประเด็นปัญหาอะไร ที่จะนำไปสู่ความรุนแรง อาจจะมีชุมนุมเรียกร้องบ้าง แต่เชื่อว่าไม่มีความรุนแรงเกิดขึ้น เพราะใกล้เข้าสู่การเลือกตั้งแล้ว

นายสนั่น กล่าวว่า ส่วนนายกฯ คนใหม่นั้น เห็นว่าควรมุ่งเน้นเรื่องเศรษฐกิจ เรื่องปากท้องของประชาชน มาเป็นลำดับแรก นอกจากนั้น ต้องสามารถรักษาเสถียรภาพของรัฐบาล เพื่อให้การขับเคลื่อนนโยบายต่าง ๆ เป็นไปได้ด้วยความเรียบร้อย และเป็นประโยชน์กับประเทศชาติมากที่สุด สร้างความเชื่อมั่นให้กับคนไทยและต่างชาติ ซึ่งจะนำไปสู่การดึงดูดการลงทุนในระยะยาว ดังนั้น จึงถือเป็นหน้าที่ของประชาชนทุกคน ที่ต้องออกมาแสดงพลัง หากมีการเลือกตั้งเกิดขึ้น เพื่อนำไปสู่การเลือกนายกรัฐมนตรีที่เหมาะสมที่สุดต่อไป

สำหรับเรื่องที่ต้องเร่งดำเนินการในช่วงนี้ คือ การมีแผนฟื้นเศรษฐกิจในปีหน้า ซึ่งเชื่อว่าจะทยอยฟื้นตัวดีขึ้นเป็นลำดับ ดีขึ้นมากกว่าเศรษฐกิจโลกที่หลายคนมองว่าจะชะลอตัว 

ดังนั้น เพื่อเป็นการเร่งการฟื้นตัวควรตรึงราคาพลังงานจนจบไตรมาสที่ 4 เพื่อไม่ให้เป็นอุปสรรคต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจในช่วงนี้ รวมทั้งเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนจากภาวะค่าครองชีพที่สูง สำหรับอัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินบาทที่หลายคนกังวล ก็เริ่มกลับเข้ามาเป็นปกติมากขึ้นแล้ว และเชื่อมั่นว่า ธปท.ยังสามารถดูแลทั้งเรื่องค่าเงิน และอัตราดอกเบี้ยให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมได้

ในขณะเดียวกัน นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจที่เคยใช้ในปี 2565 จะต้องเริ่มปรับให้ใช้ตรงกลุ่มเป้าหมายและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ไม่จำเป็นต้องกระตุ้นเหมือนเดิม เนื่องจากที่ผ่านมาไทยใช้เม็ดเงินไปในเรื่องนี้เป็นจำนวนมาก ซึ่งทำให้หนี้สาธารณะเพิ่มขึ้นตามไปด้วย หากเศรษฐกิจในปีหน้าเริ่มเดินได้ ก็ไม่จำเป็นต้องใช้มาตรการกระตุ้นเท่าปีนี้

นอกจากนี้ หลังการประชุมผู้นำความร่วมมือเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก (APEC) ภาคธุรกิจเอกชนต้องใช้ประโยชน์จากการประชุมเอเปคครั้งนี้ให้เร็วที่สุดโดยเฉพาะการแสวงหาโอกาส เพื่อขยายการค้าและการลงทุนอย่างรวดเร็ว

ในขณะเดียวกันภาครัฐเองต้องติดตามงานของแต่ละกระทรวง ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับข้อเสนอหรือผลสรุปจากการประชุมเอเปคเช่น การเจรจาเขตการค้าเสรีเอเชีย-แปซิฟิก (FTAAP)ซึ่งกระทรวงต่างประเทศและกระทรวงพาณิชย์ ต้องเร่งดำเนินการให้เกิดผลเป็นรูปธรรม สานต่อประโยชน์ที่จะเกิดขึ้น เป็นต้น

นายชัยชาญ เจริญสุข ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) กล่าวว่า ในภาคการส่งออกนั้นไม่ว่าสถานการณ์การเมืองจะเป็นอย่างไร การส่งออกของไทย ยังดำเนินการได้อย่างต่อเนื่อง หากไม่เรื่องของการปิดสนามบินการปิดท่าเรือ ซึ่งถือเป็นเรื่องใหญ่มากและส่งผลกระทบในภาคต่างๆ รวมไปถึงภาคการส่งออกด้วย 

ทั้งนี้ หลังการประชุม APEC รัฐบาลควรเร่งนำข้อตกลง หรือผลประชุมที่เป็นข้อสรุปของเอเปคนำมาปฏิบัติให้เร็วที่สุด โดยเฉพาะในการผลักดันเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียนและเศรษฐกิจสีเขียว (BCG) มาดำเนินการให้เป็นรูปธรรมทั้งแผนระยะสั้นและระยะยาว เพราะเรื่องนี้ตอบโจทย์วาระของโลกในเรื่องโลกสีเขียว ทั้งการส่งเสริมและสนับสนุนผู้ประกอบการให้เกิดเศรษฐกิจหมุนเวียน

รวมถึง การผลักดันซอฟต์พาวเวอร์ ซึ่งเห็นว่าอาหารไทยถือเป็นจุดขายที่ดีควรเร่งส่งเสริมซอฟพาวเวอร์ให้ได้มากที่สุดเพราะไทยไม่ใช่มีจุดขายเพียงแค่อาหารเท่านั้น ยังมีสิ่งอื่นๆอีก เช่น แฟชั่น