บาทอ่อนดันส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับ 10 เดือน โต 37.38%
“สินิตย์”เผยส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับ 10 เดือน มีมูลค่า 6,778.55 ล้านดอลลาร์ เพิ่ม 37.38% หากรวมทองคำยอดพุ่ง 13,620.86 ล้านดอลลาร์เพิ่ม 66.50% คาดแนวโน้มที่เหลือยังขยายตัวได้ดี เหตุเป็นช่วงเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่ แนะเจาะตลาดเกิดใหม่ในเอเชียและตะวันออกกลาง
นายสินิตย์ เลิศไกร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า การส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับของไทย ในช่วง 10 เดือนของปี 2565 (ม.ค.-ต.ค.) มีมูลค่า 6,778.55 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 37.38% และหากรวมทองคำ มีมูลค่า 13,620.86 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 66.50% โดยได้รับแรงสนับสนุนจากการอ่อนค่าของเงินบาทเมื่อเทียบกับเงินสกุลหลักของโลก และเริ่มเข้าสู่ช่วงเทศกาลจับจ่ายใช้สอยปลายปี ทั้งคริสต์มาสและปีใหม่ เข้ามากระตุ้นการบริโภค ทำให้มีความต้องการสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับเพิ่มขึ้น
สำหรับสินค้าที่มีการส่งออกได้เพิ่มขึ้น เช่น
- เครื่องประดับเงิน เพิ่ม 5.72%
- เครื่องประดับทอง เพิ่ม 53.03%
- เครื่องประดับแพลทินัม เพิ่ม 10.35%
- เพชรก้อน เพิ่ม 25.85%
- เพชรเจียระไน เพิ่ม 55.88%
- พลอยก้อน เพิ่ม 63.04%
- พลอยเนื้อแข็งเจียระไน เพิ่ม 73.76%
- พลอยเนื้ออ่อนเจียระไน เพิ่ม 104.46%
- เครื่องประดับเทียม เพิ่ม 25.19%
- เศษหรือของที่ใช้ไม่ได้ทำจากโลหะมีค่า เพิ่ม 15.28%
ทั้งนี้ เฉพาะทองคำ ส่งออกคิดเป็นสัดส่วน 50.23% ของยอดส่งออกรวม 10 เดือน มีมูลค่า 6,842.31 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 110.74% ซึ่งเป็นการส่งออกเพิ่มขึ้นตามความต้องการของตลาดโลกที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะความต้องการของธนาคารกลางประเทศต่าง ๆ แม้ว่าราคาทองคำจะปรับตัวลดลง จากการที่เฟดปรับขึ้นดอกเบี้ย แต่เชื่อว่าแนวโน้มราคาจะปรับตัวดีขึ้นในช่วงที่เหลือของปีนี้ จากการที่เฟดชะลอการเพิ่มอัตราดอกเบี้ยในอัตราที่ชะลอลง
ตลาดส่งออกสำคัญที่ขยายตัวได้ดี เช่น
- สหรัฐฯ เพิ่ม 26.90%
- อินเดีย เพิ่ม 115.74%
- ฮ่องกง เพิ่ม 10.12%
- เยอรมนี เพิ่ม 10.26%
- สิงคโปร์ เพิ่ม 178.10%
- สหราชอาณาจักร เพิ่ม 41.87%
- สวิตเซอร์แลนด์ เพิ่ม 87.15%
- เบลเยี่ยม เพิ่ม 36.18%
- สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เพิ่ม 39.24%
- ญี่ปุ่น เพิ่ม 10.90%
- อื่น ๆ เพิ่ม 26.95%
นายสินิตย์ กล่าวว่า แนวโน้มการส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับ คาดว่าจะยังขยายตัว แม้ว่าเริ่มมีสัญญาณการหดตัวของคำสั่งซื้อจากประเทศคู่ค้า แต่การเข้าสู่ช่วงเทศกาลปลายปี ทำให้จับจ่ายใช้สอยจะเป็นปัจจัยหนุนทำให้มีการบริโภคเพิ่มมากขึ้น ซึ่งจะส่งผลดีต่อการส่งออกช่วง 2 เดือนสุดท้ายของปีนี้
ทั้งนี้ผู้ประกอบการ จะต้องวางแผนขยายตลาดไปยังตลาดใหม่ โดยเฉพาะตลาดเกิดใหม่ในเอเชียและตะวันออกกลาง ที่มีแนวโน้มเติบโตสูง ควบคู่ไปกับการรักษาตลาดเดิม และต้องเน้นการผลิตสินค้าที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม รักษาคุณภาพมาตรฐาน ให้ตรงตามที่ผู้บริโภคต้องการ หรือทำสินค้าเกรดพรีเมียม เพื่อตอบสนองลูกค้ากลุ่มบนที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาเศรษฐกิจน้อยกว่า
ในด้านการทำตลาด ควรจะให้มาใช้เทคโนโลยีอย่าง AR หรือ VR นำเสนอสินค้าออนไลน์ เพื่อสร้างประสบการณ์ให้ผู้บริโภคได้สัมผัสสินค้าใกล้เคียงความจริง ก่อให้เกิดความประทับใจและสร้างโอกาสในการซื้อได้เร็วขึ้น และต้องหาความรู้เพิ่มเติม เพื่อให้ทันต่อความต้องการของตลาดโลก ซึ่งปัจจุบันไทยมีสถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ GIT ให้บริการด้านข้อมูลอัญมณีและเครื่องประดับ การตรวจสอบ และสร้างมาตรฐาน GIT Standard และบริการด้านการอบรมด้านต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องในธุรกิจอัญมณีและเครื่องประดับซึ่งผู้ประกอบการสามารถใช้บริการได้ เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้กับอุตสาหกรรม