กนอ.เซ็นสัญญา “ไทยแท้งค์ เทอร์มินัล” บริหารท่าเรือสินค้าเหลวมาบตาพุด 30 ปี
กนอ.เซ็นสัญญาร่วมลงทุนแบบ PPP กับ “ไทยแท้งค์ เทอร์มินัลฯ” บริหารจัดการท่าเรือสาธารณะและคลังเก็บสินค้าเหลว 30 ปี
นายวีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 6 ธ.ค. 2565 คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้เห็นชอบผลการคัดเลือกเอกชนและเงื่อนไขสำคัญของสัญญาร่วมลงทุน โครงการบริหารจัดการท่าเทียบเรือสาธารณะเพื่อขนถ่ายสินค้าเหลว ซึ่งเป็นโครงการร่วมลงทุนโครงการแรก ที่ กนอ. ดำเนินการตามพระราชบัญญัติการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ. 2562 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อดำเนินกิจการท่าเทียบเรือสาธารณะเพื่อขนถ่ายสินค้าเหลว และคลังเก็บสินค้าเหลว บริเวณท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด จังหวัดระยอง มีเนื้อที่โครงการรวม 182.1535 ไร่
ซึ่งบริษัท ไทยแท้งค์เทอร์มินัล จำกัด เป็นผู้ผ่านการพิจารณาข้อเสนอร่วมลงทุน ในรูปแบบ Public Private Partnership (PPP) หรือร่วมทุนระหว่างรัฐและเอกชน โดยเอกชนได้รับสิทธิในการประกอบกิจการท่าเทียบเรือสาธารณะเพื่อขนถ่ายสินค้าเหลว และคลังเก็บสินค้าเหลว พร้อมอาคารและสิ่งปลูกสร้างบนพื้นที่โครงการ ระยะเวลาการให้สิทธิ 30 ปี นับตั้งแต่วันที่ลงนามในสัญญา และจัดสรรผลตอบแทนให้แก่ภาครัฐตามข้อตกลง
ทั้งนี้ โครงการบริหารจัดการท่าเทียบเรือสาธารณะเพื่อขนถ่ายสินค้าเหลว ถือเป็นโครงการร่วมลงทุนที่ 2 ที่ กนอ. ลงนามในสัญญาร่วมทุนฯ ถัดจากโครงการพัฒนาท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด ระยะที่ 3 (ช่วงที่ 1)
โดยบริษัท ไทยแท้งค์เทอร์มินัล จำกัด มีประสบการณ์ในการบริหารจัดการท่าเรือมากกว่า 30 ปี กนอ. จึงเชื่อมั่นในศักยภาพของบริษัทฯ ในการดำเนินงานโดยเฉพาะภาคอุตสาหกรรมปิโตรเคมี สร้างความเชื่อมั่นต่อนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศทำให้เกิดการเชื่อมโยงระบบขนส่งแบบไร้รอยต่อของประเทศไทยไปสู่ประตูเศรษฐกิจโลก
โดยการเซ็นสัญญาเมื่อวันที่ 9 ธ.ค. 2565 เงื่อนไขมูลค่าการลงทุนภายใน 30 ปีข้างหน้าเราต่อรองได้มากกว่าที่ ครม.กำหนด จาก 10,600 ล้านบาท เป็น 14,881 ล้านบาท ถือเป็นความสำเร็จของคณะกรรมการคัดเลือกเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารพื้นที่รองรับสินค้าเหลว ที่เชื่อว่าจะมีความต้องการเพิ่มขึ้นในอนาคต
การลงนามในครั้งนี้ กนอ. จะให้สิทธิการบริหารจัดการท่าเทียบเรือสาธารณะเพื่อขนถ่ายสินค้าเหลวและคลังเก็บผลิตภัณฑ์เหลว เนื้อที่โครงการรวม 182.1535 ไร่ พร้อมอาคารและสิ่งปลูกสร้างบนพื้นที่โครงการ ระยะเวลาการให้สิทธิ 30 ปี นับตั้งแต่วันที่ลงนามในสัญญา
โดยบริษัทฯ มีหน้าที่บำรุง รักษา และซ่อมแซมถังกักเก็บสินค้าเหลว จำนวน 102 ถัง (ถังเก็บแบบตั้งบนดินOn Ground) และถังกักเก็บของเสีย (Slop Tank) จำนวน 5 ถัง รวมถึงงานก่อสร้างทดแทนถังกักเก็บสินค้าเหลวข้างต้น เพื่อรักษามาตรฐานของถังกักเก็บสินค้าเหลวให้เป็นไปตามมาตรฐานที่ราชการกำหนด สามารถรองรับปริมาณสินค้าเหลวได้ไม่ต่ำกว่า 723,000 ลูกบาศก์เมตรตลอดระยะเวลาโครงการ และให้มีการลงทุนเพิ่มพร้อมออกค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการโครงการตลอดระยะเวลา 30 ปี มูลค่า 14,881 ล้านบาท
โดย กนอ. จะได้ผลตอบแทนตลอดระยะเวลาโครงการเป็นเงินมูลค่ารวม 20,236.68 ล้านบาท ทั้งนี้ ครม.กำหนดให้มีการเจรจาเพื่อเพิ่มสัดส่วนของบริษัทไทยเพิ่มมากขึ้น เพราะปัจจุบันบริษัทไทยมีความเชี่ยวชาญมากขึ้นเมื่อเทียบกับ 30 ปีที่ผ่านมา