ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสปรับตัวขึ้น 2.22 ดอลล์ ขานรับตัวเลข CPI ต่ำกว่าคาด
ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส ปิดวันอังคาร(13ธ.ค.) พุ่งขึ้น 2.22 ดอลลาร์ ขานรับการเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ที่ต่ำกว่าคาด ซึ่งจะเป็นปัจจัยหนุนให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส ส่งมอบเดือนม.ค. ซึ่งมีการซื้อขายที่ตลาดไนเม็กซ์ บวก 2.22 ดอลลาร์ ปิดที่ 75.39 ดอลลาร์/บาร์เรล ด้านเบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน ส่งมอบเดือนก.พ. เพิ่มขึ้น 2.69 ดอลลาร์ ปิดที่ 80.68 ดอลลาร์/บาร์เรล
นักลงทุนเพิ่มคาดการณ์ที่ว่า เฟด จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพียง 0.25% ในเดือนก.พ.2566 ซึ่งเป็นการประชุมนโยบายการเงินนัดแรกของเฟดในปีหน้า หลังการเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อที่ต่ำกว่าคาดในวันนี้
ราคาน้ำมัน ได้ปัจจัยบวกจากการอ่อนค่าของดอลลาร์ หลังการเปิดเผยดัชนี CPI ที่ต่ำกว่าคาดในวันนี้ โดยการอ่อนค่าของดอลลาร์จะเป็นปัจจัยเพิ่มความน่าดึงดูดของสัญญา ทำให้สัญญาน้ำมันมีราคาถูกลงสำหรับผู้ถือครองเงินสกุลอื่น
นอกจากนี้ ราคาน้ำมันยังได้แรงหนุนจากภาวะตึงตัวในตลาด หลังจากที่บริษัททีซี เอเนอร์จี ซึ่งเป็นบริษัทพลังงานยักษ์ใหญ่ของแคนาดาประกาศปิดท่อส่งน้ำมันคีย์สโตน เนื่องจากพบการรั่วไหลของน้ำมัน โดยคีย์สโตนเป็นท่อส่งน้ำมันจากรัฐแอลเบอร์ตาของแคนาดาไปยังแถบกัลฟ์โคสต์และมิดเวสต์ของสหรัฐ
ขณะเดียวกัน นักลงทุนหวังว่าจีนจะกลับมาเปิดประเทศ หลังมีการผ่อนคลายมาตรการควบคุมโควิด-19 อย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะเป็นปัจจัยเพิ่มความต้องการใช้น้ำมัน
โกลด์แมน แซคส์ ออกรายงานคาดการณ์ว่า ความต้องการใช้น้ำมันในจีนที่เพิ่มขึ้นหลังมีการเปิดประเทศ จะเป็นปัจจัยหนุนให้ราคาน้ำมันในตลาดโลกพุ่งขึ้นอีก 15 ดอลลาร์/บาร์เรล
"อุปสงค์น้ำมันของจีนจะเพิ่มขึ้น 1 ล้านบาร์เรล/วันโดยเฉลี่ยตั้งแต่ปี 2565 ถึงปี 2566" รายงาน ระบุ
สำนักข่าวบลูมเบิร์ก รายงานว่า การที่จีนผ่อนคลายมาตรการควบคุมโควิด-19 ได้ส่งผลให้อุตสาหกรรมการบินภายในประเทศฟื้นตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว และช่วยคลี่คลายวิกฤติการเงินของสายการบินขนาดใหญ่ 3 แห่งของจีน หลังประสบภาวะขาดทุนหลายพันล้านดอลลาร์นับตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19