ราคาทองฟิวเจอร์ร่วง 30.10 ดอลล์ ขณะตลาดจับตาตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐ
ราคาทองฟิวเจอร์ ปิดวันพฤหัสบดี(22ธ.ค.)ปรับตัวลง 30.10 ดอลลาร์ ขณะที่ตลาดจับตาตัวเลขเศรษฐกิจและเงินเฟ้อของสหรัฐ
สัญญาทองคำตลาดโคเม็กซ์ ส่งมอบเดือนก.พ. ลดลง 30.10 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,795.30 ดอลลาร์/ออนซ์
ด้านกระทรวงแรงงานสหรัฐ เปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้น 2,000 ราย สู่ระดับ 216,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว
อย่างไรก็ดี ตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานดังกล่าวต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 222,000 ราย
ขณะเดียวกัน กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยังคงขอรับสวัสดิการว่างงานต่อเนื่อง ลดลง 6,000 ราย สู่ระดับ 1.672 ล้านราย
นายเยิร์ก คีเนอร์ กรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่ด้านการลงทุนของบริษัทสวิส เอเชีย แคปิตอล กล่าวว่า ราคาทองคำอาจพุ่งสูงถึง 4,000 ดอลลาร์/ออนซ์ในปี 2566 เนื่องจากหลายประเทศอาจเผชิญภาวะเศรษฐกิจถดถอยในไตรมาสแรกของปีหน้า ซึ่งจะทำให้ธนาคารกลางหลายแห่งเริ่มชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย และเป็นปัจจัยดึงดูดการลงทุนในทองคำ
"นับตั้งแต่ปี 2543 ทองให้ผลตอบแทนเฉลี่ยราว 8-10% ต่อปี ซึ่งคุณจะหาไม่ได้จากตลาดพันธบัตรหรือตลาดหุ้น" นายคีเนอร์กล่าว
นอกจากนี้ ราคาทอง ยังได้ปัจจัยบวกในฐานะสินทรัพย์ป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อ ขณะที่มีการคาดการณ์ว่าเงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับสูงในปี 2566
นายคีเนอร์ระบุว่า จีนยังคงถือเป็นผู้ซื้อรายใหญ่ในตลาดทอง
ทั้งนี้ ธนาคารกลางจีนเปิดเผยว่า ทางธนาคารกลางซื้อทองเพิ่มขึ้นราว 1.8 พันล้านดอลลาร์เข้าสู่ทุนสำรอง ส่งผลให้จีนมีทองคำสำรองมูลค่าสะสมราว 1.12 แสนล้านดอลลาร์
ข้อมูลจากสภาทองคำโลก (WGC) ระบุว่า ธนาคารกลางหลายแห่งได้ซื้อทองคำจำนวน 400 ตันในไตรมาส 3/2565 คิดเป็นเกือบสองเท่าของสถิติ 241 ตันที่ทำไว้ในไตรมาส 3/2561