มาตรการซีโร่โควิดฉุดส่งออกไทยไปจีนปี 65 วูบ 2 พันล้านดอลลาร์

มาตรการซีโร่โควิดฉุดส่งออกไทยไปจีนปี 65 วูบ 2 พันล้านดอลลาร์

ส่งออกไทยไปจีนติดลบต่อเนื่อง จากมาตรการซีโร่โควิด คาดทั้งปี 65 มูลค่าส่งออกหายไป 2 พันล้านดอลลาร์ คาดจีนเปิดประเทศหนุนส่งออกไทยกลับมาเป็นบวกไตรมาส 2

ตลาดส่งออกไปจีนที่ติดลบเป็นครั้งแรกเมื่อเดือน เม.ย.โดยติดลบ 7.2%  ถือเป็นครั้งแรกในรอบ 17  เดือน และติดลบต่อเนื่องเรื่อยมา ล่าสุดเดือน พ.ย. ตลาดจีน ติดลบ 9.9% ต่อเนื่อง 6 เดือน สินค้าสำคัญที่หดตัว ได้แก่ เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ยางพารา และรถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เป็นต้น สินค้าสำคัญที่ขยายตัว ได้แก่ ผลิตภัณฑ์ยาง ผลไม้สด แช่เย็น แช่แข็งและแห้ง และข้าว เป็นต้น ขณะที่ 11 เดือนแรกของปี 2565 ติดลบ  6.5 % 

นายชัยชาญ เจริญสุข ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) กล่าวว่า  การส่งออกไปจีนที่ติดลบก็เนื่องมาจากมาตราซีโร่โควิดของจีนส่งผลให้อุตสาหกรรมต่างๆหยุดชะงัก มีการลดกำลังการผลิต  มีการจับจ่ายใช้สอยน้อย ความต้องการสินค้าก็น้อยลงตามไปด้วย ส่งผลให้การบริโภคของจีนชะลอตัวไปด้วยทำให้การส่งออกของไทยไปจีนน้อยลง ซึ่งสินค้าที่ได้รับผลกระทบหนักคือสินค้ากลุ่มเม็ดพลาสติก เคมีภัณฑ์ ยางพารา  โดย 11 เดือนแรกเม็ดพลาสติกติดลบ 5 % เคมีภัณฑ์ติดลบ 26 % และยางพาราติดลบ 16 %  ถือเป็นอุตสาหกรรมต้นน้ำที่สำคัญมีสัดส่วนการส่งออกรวมกัน 20 % ของการส่งออกไปจีน  

นอกจากนี้ผัก ผลไม้ ยังส่งออกไปจีนลดลง เนื่องจากมาตรการซีโร่โควิด ควบคุมการตรวจการนำเข้า มาตรการด้านสุขอนามัย  ส่งผลให้ 11 เดือนการส่งออกไปจีนติดลบ  6.5 %  

มาตรการซีโร่โควิดฉุดส่งออกไทยไปจีนปี 65 วูบ 2 พันล้านดอลลาร์

อย่างไรก็ตามจีนประกาศเปิดประเทศ 8 ม.ค.66  ก็มองว่า จะเป็นแรงส่งการส่งออกของไทยให้ดีขึ้น เพราะจีนเป็นตลาดสำคัญของไทยมีสัดส่วนการส่งออก 12-13 % ของการส่งออกไทยไปทั่วโลก หากปีหน้าเศรษฐกิจจีนเริ่มมาขับเคลื่อนใหม่ก็จะเป็นโอกาสการส่งออกไทยไปจีนเพิ่มขึ้น 

“ปีนี้คาดว่า การส่งออกไปจีนจะหายไป 2 พันล้านดอลลาร์  ซึ่งปีนี้น่าจะได้ประมาณ 35,000 ล้านดอลลาร์  ต่ำกว่าปี  64 ที่ไทยส่งออกไปจีนมูลค่า  37,2000 ล้านดอลลาร์” 

นายอัทธ์ พิศาลวานิช ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาการค้าระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า  การส่งออกไทยไปยังตลาดจีนน่าจะติดลบต่อเนื่องตั้งแต่ธ.ค.ไปยังเดือนม.ค.และก.พ.ปีหน้า ซึ่งเป็นผลมาจากมาตรการซีโร่โควิดของจีน  ส่งผลให้ภาคการผลิตของจีนถูกล็อคดาวน์ มีการปิดโรงงาน ทำให้ไม่มีคำสั่งซื้อสินค้าจากประเทศอื่นรวมทั้งประเทศไทย  การส่งสินค้าไปยังประเทศจีนมีความเข้มงวดมากทำให้การส่งสินค้าไปจีนลดน้อยลง 

อย่างไรก็ตามจีนประกาศเปิดประเทศในวันที่  8 ม.ค.66 ก็น่าจะเป็นแรงกระตุ้นเศรษฐกิจจีน ภาคการท่องเที่ยวก็กลับมา ซึ่งเมื่อเปิดรับนักท่องเที่ยวความต้องการสินค้าก็เพิ่มมากขึ้น ก็จะเป็นแรงหนุนให้การส่งออกไทยดีขึ้น และจะช่วยเศรษฐกิจโลกปีหน้าดีขึ้นจากการที่จีนเปิดประเทศ แต่สิ่งที่ต้องระวังคือ การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่จะกลับมาอีกครั้ง จากการที่จีนเปิดประเทศ รับนักท่องเที่ยว และเปิดให้คนจีนเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศได้ เนื่องจากขณะนี้คนจีนติดเชื้อโควิดจำนวนมาก แต่ทางการจีนยกเลิกการรายงานตัวเลขผู้ติดเชื้อ ซึ่งสาธารณสุขสหรัฐ รายงานว่า การติดเชื้อโควิดของจีนจะเพิ่มขึ้นใน 3  ช่วง คือ ปลายธ.ค. ช่วง 2 เดือนม.ค.-ตรุษจีน และช่วง 3 หลังจากตรุษจีนที่คนจีนกลับมาทำงาน โดยคาดการณ์ว่า น่าจะมีผู้ติดเชื้อหลายล้านคน 

“การเปิดประเทศของจีนอาจเป็นดาบ 2 คมคือ การทำให้เศรษฐกิจโลกดีขึ้น แต่อีกทางก็ทำให้มีคนติดเชื้อโควิด มากขึ้นเช่นกัน โดยไทยก็จะได้รับอานิสงค์จากการเปิดประเทศจีนทั้งจากภาคการท่องเที่ยว และภาคการส่งออก แต่สิ่งที่ผู้ส่งต้องทำคือ กำกับเรื่องคุณภาพสินค้า สุขอนามัย ซึ่งจีนก็ยังคงเข้มงวดในเรื่องนี้”นายอัทธ์ กล่าว  

ขณะที่กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ มองว่า การส่งออกไปจีนลดลง น่าจะมาจากปัจจัยในเรื่องของเศรษฐกิจโลกถดถอย กระทบต่อซัพพลายเชนในจีนต่อเนื่องมายังไทย นโยบายซีโร่โควิดของจีนที่เข้มข้นให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจลดลง ผลกระทบจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน ทำให้การบริโภคของจีนชะลอตัวปัญหาวิกฤตอสังหาริมทรัพย์หดตัวอย่างรุนแรงส่งผลให้ภาพรวมของเศรษฐกิจของจีนยิ่งหดตัวรุนแรงมากยิ่งขึ้น ประกอบกับสถานการณ์รัสเซียและยูเครนยังคงยืดเยื้อส่งผลกระทบเป็นวงกว้างต่อเศรษฐกิจโลก การย้ายฐานการลงทุนจากจีนออกไปประเทศอื่นกระทบต่อภาคการผลิตของจีน ซึ่งน่าจะลดลงต่อ แม้ว่า จีนประกาศเปิดประเทศในวันที่ 8 ม.ค. เปิดให้เดินทางเข้า-ออก นอกประเทศได้ เกิดการขับเคลื่อนด้านเศรษฐกิจก็ตามแต่คงต้องใช้เวลาอีกสักพักกว่าจะกลับมาเป็นปกติ