รฟท.ถือกรรมสิทธิ์ 'เขากระโดง' 100 ปี ชี้คำสั่งอธิบดีกรมที่ดิน 'ไม่ชอบด้วยกฎหมาย'
รฟท.อุทธรณ์คำสั่งกรมที่ดินไม่เพิกถอนโฉนดไม่ชอบด้วยกฎหมาย ประเด็นที่ดินเขากระโดง บุรีรัมย์ ยืนยันข้อมูลเอกสารสิทธิ์สืบทอดจากกรมรถไฟหลวงที่เวนคืนและซื้อที่ดินเพื่อที่ดินสร้างทางรถไฟกว่า 100 ปี ที่ผ่านมา
ปัญหา"ที่ดินเขากระโดง"ยังไม่ได้ข้อสรุปถึงแนวทางปฏิบัติถึงแม้ว่าจะมีคำพิพากษาศาลฎีกาออกมาแล้ว โดยล่าสุดนายวีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ทำหนังสือถึงอธิบดีกรมที่ดิน ลงวันที่ 12 พ.ย.2567 ความยาว 20 หน้า
เรื่อง อุทธรณ์คำสั่งไม่เพิกถอนเอกสารแสดงสิทธิในที่ดินที่ทับช้อนกับที่ดินของ รฟท.บริเวณทางแยกเขากระโดง ตำบลอิสาณ อำเภอเมืองบุรีรัมย์ จังหวัดบุรีรัมย์
ทั้งนี้ รฟท.ได้ระบุถึงหนังสือที่อ้างถึงอธิบดีกรมที่ดินได้แจ้งความเห็นของอธิบดีที่เห็นชอบตามมติคณะกรรมการสอบสวน ตามความในมาตรา 61 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน ซึ่งตั้งขึ้นตามคำสั่งอธิบดีกรมที่ดิน ที่ 1195-1196/2566 ว่า ไม่เพิกถอนหรือแก้ไขหนังสือแสดงสิทธิในที่ดินที่ทับซ้อนกับที่ดินของการ รฟท.บริเวณดังกล่าว
ดังนั้น กรมที่ดินจึงเห็นความยุติเรื่องในกรณีนี้ หาก รฟท.เห็นว่ามีสิทธิในที่ดินกว่าก็เป็นเรื่องที่ผู้ผู้มีสิทธิในที่ดินจะต้องไปดำเนินการเพื่อพิสูจน์สิทธิในกระบวนการยุติธรรรม
รฟท.เห็นว่าคำสั่งของอธิบดีกรมที่ดินและมติของคณะกรรมการสอบสวนดังกล่าวเป็นคำสั่งทางปกครองที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เนื่องจากกระทำโดยไม่ถูกต้องตามกฎหมายและไม่ถูกต้องตามรูปแบบ ขั้นตอน หรือวิธีการอันเป็นสาระสำคัญที่กำหนดไว้
รวมทั้งมีลักษณะเป็นการสร้ารสร้างขั้นตอนโดยไม่จำเป็น รวมถึงเป็นการใช้ดุลพินิจโดยมิชอบ จึงขออุทธรณ์คำสั่งของอธิบดีกรมที่ดินและมติคณะกรรมการสอบสวน ตามประเด็นข้อเท็จจจริงและข้อกฎหมาย โดยกรุงเทพธุรกิจสรุปรายละเอียดคำอุทธรณ์ของ รฟท.ดังนี้
1.) เหตุผลและวัตถุประสงค์ที่อธิบดีกรมที่ต้องแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนตามความในมาตรา 61 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน โดย รฟท.พิจารณาข้อเท็จจริงและพยานประกอบกับข้อกฎหมายแล้ว เห็นได้โดยชัดแจ้งแล้วว่าที่ดินตามเอกสารสิทธิ์ตามจำนวนแปลงที่ระบุไว้ในคำสั่งอธิบดีกรมที่ดินบริเวณแยกเขากระโดงนั้น เป็นที่ดินของ รฟท.
2.) การที่อธิบดีกรมที่ดินมีคำสั่งไม่เพิกถอนเอกสารสิทธิที่ดิน ซึ่งออกทับซ้อนกับที่ดินซึ่งเป็นกรรมสิทธิ์ของ รฟท.บริเวณแยกเขากระโดง ตามความเห็นของคณะกรรมการสอบสวน เป็นการกระทำไม่ถูกต้องตามกฎหมาย อันเป็นการกระทำไม่ชอบด้วยกฎหมาย
3.) ปัญหาความชอบด้วยกฎหมาย ของการแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนตามมาตรา 61 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน และการแจ้งคำสั่งทางปกครอง
ดังนั้นคำสั่งของอธิบดีเป็นคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เนื่องจากไม่ได้ปฏิบัติถูกต้องตามรูปแบบ ขั้นตอนและวิธีการที่เป็นสาระสำคัญที่กำหนดไว้
รฟท.ขอเรียนสรุปว่า การเวนคืนที่ดินตั้งแต่สมัยสมบูรณาญาสิทธิราชย์ โดยกรมรถไฟหลวงเริ่มลงมือตรวจแนวทางรถไฟเป็นไปตามพระราชโองการตั้งแต่ปี พ.ศ.2462 เพื่อเชื่อมต่อกับทางรถไฟที่มีอยู่แล้วที่จังหวัดนครราชสีมา ต่อมาปี พ.ศ.2463 กรมรถไฟหลวงได้ทำการสำรวจเส้นทางรถไฟแน่นอนแล้วตั้งแต่สถานีรถไฟนครราชสีมาถึงตำบลท่าช้างจังหวัดนครราชสีมาเป็นช่วงแรก จึงได้มีการตราพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการจัดซื้อที่ดินแลอสังหาริมทรัพย์อย่างอื่น เพื่อสร้างทางรถไฟสายตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ฉบับลงวันที่ 20 ส.ค.2463
โดยได้กำหนดให้กรมรถไฟหลวงทำแผนที่แสดงเขตที่ดิน และคัดสำเนาเนาเนาบัญชีรายชื่อท้ายพระราชกฤษฎีกาพร้อมด้วยแผนที่มอบไว้ ณ ที่ทำการกรมรถไฟหลวงในพระนคร ที่กระทรวงเกษตราธิการที่หอทะเบียนที่ดินทุก ๆ จังหวัด และที่ว่าการอำเภอ ซึ่งที่ดินหรืออสังหาริมทรัพย์นั้นตั้งอยู่
ต่อมาในปี พ.ศ.2464 กรมรถไฟหลวงได้ทำการสำรวจเส้นทางรถไฟแน่นอนแล้วตั้งแต่ตำบลท่าช้าง จังหวัดนครราชสีมา ถึงจังจังหวัดสุรินทร์ อีกตอนหนึ่ง และได้มีการทำแผนที่แสดงแนวแขตที่ดินของกรมรถไฟไว้โดยชัดแจ้งแล้ว
จึงได้มีการตราพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการจัดซื้อที่ดินแลอสังหาริมทรัพย์อย่างอื่น เพื่อสร้างทางรถไฟสายตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งทรงพระกรณาโปรดเกล้าฯ ให้กรมรถไฟแผ่นดินจัดสร้าง ฉบับลงวันที่ 7 พ.ย.2564
กรมรถไฟหลวงจึงได้กรรมสิทธิ์ที่ดินในทางรถไฟสายตะวันออกเฉียงเหนือ ตลอดจนทางรถไฟสายนครราชสีมาถึงอุบลราชธานี รวมทั้งที่ดินสองข้างทางรถไฟในท้องที่จังหวัดบุรีรัมย์มาโดย
- พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตร์สร้างทางรถไฟหลวง ต่อจากนครราชสีมาถึงอุบลราชธานี ฉบับลงวันที่ 8 พ.ย.2466
- พระราชกฤษฎีกาจัดซื้อที่ดินแลอสังหาริมทรัพย์อย่างอื่นเพื่อสร้างทางรถไฟสายตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้กรมรถไฟหลวงจัดการสร้างฉบับลงวันที่ 20 ส.ค.2463
- พระราชกฤษฎีกาจัดชื่อที่ดินแลอสังหาริมทรัพย์อย่างอื่นเพื่อสร้างทางรถไฟสายตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้กรมรถไฟหลวงจัดการสร้างฉบับลงวันที่ 7 พ.ย.2464 พร้อมแผนที่แนบท้ายพระราชกฤษฎีกา ซึ่งบัญญัติให้กรรมสิทธิ์ที่ดินและอสังหาริมทรัพย์นั้นเป็นกรรมสิทธิ์ของกรมรถไฟหลวง
ดังนั้น เมื่อ รฟท.รับโอนทรัพย์สินทั้งหลายจากกรมรถไฟหลวง รฟท.จึงได้กรรมสิทธิ์ ที่ดินในทางรถไฟสายตะวันออกเฉียงเหนือ ตลอดจนทางรถไฟสายนครราชสีมาถึงอุบลราชธานี รวมทั้งที่ดินสองข้างทางรถไฟในท้องที่จังหวัดบุรีรัมย์มาตามกฎหมาย
ทั้งได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว ย่อมมีผลผูกพันพลเมืองในราชอาณาจักรไทยเป็นการทั่วไป และกฎหมายดังกล่าว ยังเป็นพยานหลักฐานยืนยันการได้มาที่ที่ดิน รฟท.
ตลอดจนตำแหน่งที่ตั้งซึ่งมีความชัดเจนเป็นที่ยุติแล้ว และมีความชัดเจนเป็นที่ยุติแล้ว และมีความแน่นอนในนิติฐานะยิ่งกว่าเอกสารแสดงกรรมสิทธิ์ประเภทใด ๆ ตามประมวลกฎหมายที่ดินซึ่งบัญญัติขึ้นภายหลัง
รฟท.จึงขอให้อธิบดีกรมที่ดินและผู้บังคับบัญชาที่มีอำนาจวินิจฉัยอุทธรณ์ ได้โปรดมีคำสั่งให้เพิกถอนคำสั่งของอธิบดีกรมที่ดินตามหนังสือกรมที่ดินที่ มท 0516.2 (2)/261666 ลงวันที่ 21 ต.ค.2567 เรื่อง การเพิกถอนหนังสือการแสดงสิทธิในที่ดินที่ทับซ้อนกับที่ดินของ รฟท.
และเพิกถอนมติของคณะกรรมการสอบสวนตามคำสั่งอธิบดีกรมที่ดิน ที่ 119985-1196/2566 ลงวันที่ 12 พ.ค.2566 ที่ได้มีความเห็นและมติไม่เพิกถอนเอกสารแสดงสิทธิในที่ดินที่ออกทับช้อนกับที่ดินของ รฟท.
และมีคำสั่งให้กรมที่ดินและอธิบดีกรมที่ดินปฏิบัติให้เป็นไปตามคำพิพากษาของ ศาลฎีกาที่ 842-876/2560 , คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8027/2563 , คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 3 คดีหมายเลขดำที่ 111/2563 หมายเลขแดงที่ 1112/2563 และคำพิพากษาศาลปกครองกลางคดีหมายเลขดำที่ 2494/2564 คดีหมายเลขแดงที่ 582/2566
โดยการมีคำสั่งเพิกถอนเอกสารแสดงสิทธิในที่ดินทุกแปลงที่ออกทับช้อนที่ดินกรรมสิทธิของ รฟท.โดยให้ปฏิบัติตามข้อสังเกตของศาลปกครองกลางในคดีดังกล่าวอย่างเคร่งครัดด้วย
ทั้งนี้ หากท่านพิจารณาแล้วไม่เพิกถอนเอกสารสิทธิต่าง ๆ ในที่ดินที่ออกทับช้อนกับที่ดินของ รฟท. ซึ่งศาลฎีกาได้มีคำพิพากษาว่าที่ดินในบริเวณแยกเขากระโดงเป็นที่ดินรถไฟ ขอให้แจ้งยืนยันผลการพิจารณาโดยชัดแจ้งให้ รฟท.ทราบ