‘ทองคำ’ ดิ่งใกล้จุดต่ำสุดในรอบ 2 เดือน นักลงทุนย้ายเงินเข้า ‘หุ้น-บิตคอยน์’
ราคา ‘ทองคำ’ ดิ่งเกือบ 7% สู่ระดับ 2,559.2 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ใกล้จุดต่ำสุดในรอบ 2 เดือน นักลงทุนย้ายเงินเข้า ‘หุ้น-บิตคอยน์’ รับอานิสงส์ ‘ทรัมป์ 2.0’ นักวิเคราะห์มั่นใจ ‘ทองคำ’ ยังสำคัญ แบงก์ชาติ-ทั่วโลก ตุนทองเมื่อเกิดวิกฤติ
สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานความเคลื่อนไหวราคา “ทองคำ” สปอตลดลงเกือบ 7% ปรับตัวลดลงสู่ระดับ 2,559.2 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งต่ำสุดในรอบเกือบ 2 เดือน ท่ามกลางกระแสความเสี่ยงและค่าเงินดอลลาร์ยังคงแข็งค่าขึ้นจากชัยชนะในการเลือกตั้งของ “โดนัลด์ ทรัมป์”
ขณะเดียวกันราคาทองคำฟิวเจอร์สในตลาด New York Mercantile Exchange เคลื่อนไหวที่ระดับ 2,567.3 ดอลลาร์
'ทองคำ' ชะลอตัวระยะสั้น สวนทาง 'หุ้น-บิตคอยน์'
แม็กซิมิเลียน เลย์ตัน หัวหน้าฝ่ายวิจัยสินค้าโภคภัณฑ์ระดับโลกของ Citi กล่าวว่า ตลาดกระทิงของทองคำและเงินกำลังหยุดชะงัก และอาจจะหยุดชะงักต่อไปอีกประมาณสองสัปดาห์
นอกจากนี้ "ราคาทองคำ"มีแนวโน้มที่จะปรับตัวลดลง เนื่องจากหุ้นสหรัฐพุ่งสูงขึ้นจากอานิสงส์ภาษีและกฎระเบียบที่ลดลงการที่ทรัมป์กลับเข้าทำเนียบขาวส่งผลให้หุ้นสหรัฐ พุ่งสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ และปรับตัวลงเล็กน้อยหลังจากนั้น
รวมไปถึงนักลงทุนให้ความสนใจกับ “บิตคอยน์” ที่ทำนิวไฮใหม่ที่ระดับ 93,000 ดอลลาร์ และตลาดสินทรัพย์ดิจิทัล เนื่องจากทรัมป์ได้ให้คำมั่นสัญญาในการพัฒนาอุตสาหกรรมนี้
เลย์ตันคาดการณ์ว่า ทรัมป์มีแนวโน้มที่จะได้รับชัยชนะอย่างท่วมท้น ซึ่งจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงนโยบายที่สำคัญ ทั้งการผ่อนคลายกฎระเบียบต่างๆ ให้มีความเข้มงวดน้อยลง และการปรับลดอัตราภาษี สถานการณ์ดังกล่าวจะส่งผลให้เกิดการเคลื่อนย้ายของเงินทุนในตลาด โดยนักลงทุนจะนำเงินเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นและบิตคอยน์มากขึ้น ในขณะที่จะมีการถอนเงินออกจากการลงทุนในทองคำ
นิคกี้ ชีลส์ นักวิเคราะห์ของ MKS Pamp ได้วิเคราะห์สถานการณ์ตลาดในปัจจุบัน โดยระบุว่าตลาดหุ้นกำลังอยู่ใน "เขตแดนแห่งความสุข" เนื่องจากราคาหุ้นได้สะท้อนถึงผลการเลือกตั้งที่เอื้อประโยชน์ต่อตลาดแล้ว
ราคาทองคำและเงินจะเข้าสู่ช่วงการปรับราคาใหม่ โดยมีแนวโน้มการปรับตัวขึ้นที่น้อยลง ซึ่งสถานการณ์นี้จะดำเนินต่อไปจนกว่าจะสิ้นสุดช่วงพีคของตลาดที่ได้รับอานิสงส์จากทรัมป์
แบงก์ชาติทั่วโลกต้องการ ‘ทองคำ’
เลย์ตันเผยว่าปัจจัยพื้นฐานที่ขับเคลื่อนตลาดทองคำยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง และภายหลังจากชัยชนะของทรัมป์ในการเลือกตั้ง มีการคาดการณ์เพิ่มมากขึ้นเกี่ยวกับนโยบายภาษีศุลกากรที่เขาจะนำมาใช้ รวมถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อเศรษฐกิจโลก ซึ่งเมื่อสถานการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นจริง นักลงทุนจะหันมาซื้อทองคำและเงินเพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการป้องกันความเสี่ยงจากผลกระทบด้านลบที่อาจเกิดขึ้น
นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าความต้องการทองคำจากธนาคารกลางจะยังคงแข็งแกร่งหรือมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น หากโน้มทางการเงินของสหรัฐและสถานการณ์ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ทวีความรุนแรงขึ้น
ข้อมูลจากบริษัทให้บริการทางการเงิน Canaccord Genuity ระบุว่า ธนาคารกลางมีการซื้อทองคำในปริมาณที่สูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2567
รายงานระบุว่า หากการดำรงตำแหน่งสมัยที่ 2 ของประธานาธิบดีทรัมป์มีลักษณะคล้ายคลึงกับสมัยแรก ซึ่งมีแนวทางการเผชิญหน้ากับทั้งประเทศพันธมิตรและคู่แข่ง อาจทำให้ความต้องการทองคำในฐานะสินทรัพย์สำรองระดับนานาชาติจะยังคงแข็งแกร่งต่อเนื่อง เมื่อเทียบกับความต้องการในพันธบัตรรัฐบาล
อ้างอิง CNBC